ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ของปี 2561 จำนวน 7,084 ล้านบาท และกำไรสุทธิประจำปี 2561 จำนวน 40,068 ล้านบาท (งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบ) ลดลง 7.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในปี 2561 รายได้จากการดำเนินงานของธนาคารยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวน 138,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากปีก่อน เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโต 4.4% ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง 4.7% จากปีก่อน การยกเลิกค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล การชะลอตัวของธุรกิจประกันภัย และการลดลงของค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศในครึ่งปีหลัง เป็นสาเหตุหลักของการลดลงของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธนาคารเพิ่มสูงขึ้นจากการลงทุนอย่างต่อเนื่องในโครงการ Transformation ตลอดสามปีที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 46.8% ในปี 2561 ซึ่งอยู่ในระดับที่คาดการณ์ไว้ที่ 45-47% ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อผลลัพธ์ของโครงการ Transformation ปรากฏเด่นชัดขึ้นตามลำดับตั้งแต่ปี 2562
ทั้งนี้จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและความผันผวนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในปี 2562 รวมถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารที่จะเน้นการเติบโตของสินเชื่อไม่มีหลักประกันและสินเชื่อในรูปแบบดิจิทัล ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้วยความรอบคอบและระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4 ของปี 2561 ธนาคารได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 8,871 ล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบจากความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 2561 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 147% เมื่อเทียบกับ 137% ในปีก่อนจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 2562 ธนาคารคาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายหนี้สูญต่อสินเชื่อ(Credit cost) ในปี 2562 จะอยู่ในระดับ 1.15-1.35% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากระดับ 1.15% ในปี 2561 ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561 อัตราส่วน NPL อยู่ที่ 2.85% และเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 17.1%
ธนาคารได้ผลักดันการดำเนินงานโครงการ Transformation อย่างต่อเนื่องซึ่งมีความคืบหน้าอย่างเด่นชัด โดยมีจำนวนผู้ใช้งานดิจิทัล 9 ล้านรายในปี 2561 สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ธนาคารจะมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าจากโครงการ Transformation เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านการผสมผสานความสามารถใหม่ต่าง ๆ ต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงพัฒนา ecosystem และแพลตฟอร์มเพื่อนำเสนอคุณค่าสูงสุดแก่ลูกค้า โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานดิจิทัลเป็น 12 ล้านรายภายในปี 2562 ทั้งนี้ด้วยเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อรวมที่ 5-7% ในปี 2562 ธนาคารมุ่งเน้นการขยายสินเชื่อของลูกค้าบุคคลและสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก อาทิ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล แสวงหาโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง และนำเทคโนโลยีดิจิทัลภายใต้โครงการTransformation มาใช้ เพื่อลดต้นทุนในการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
นายอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ธุรกิจหลักของธนาคารยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แม้ว่ากำไรสุทธิมีการปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดยธนาคารยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าและการใช้งานบนระบบดิจิทัลที่เติบโตอย่างมาก ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังคงอยู่ในระดับสูงจากการลงทุนในโครงการ Transformation ซึ่งคาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นลำดับ สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคต ธนาคารมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าจากโครงการ Transformation ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลรูปแบบใหม่และส่งมอบคุณค่าที่แตกต่างให้กับลูกค้า พร้อมทั้งสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผลักดันแนวคิดและวิธีการทำงานที่ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมทั้งความรวดเร็วในการปรับตัว การเรียนรู้และการลองผิดลองถูก รวมถึงยึดมั่นในการบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ท่ามกลางความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงรอบด้าน ธนาคารยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็น’ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด’ และเป็นผู้นำในการวางรูปแบบการดำเนินธุรกิจการธนาคารของประเทศไทยในอนาคต”