ถ้าคุณคือผู้ที่อยู่อาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ มหานครที่ขึ้นชื่อในเรื่องการจราจรติดขัดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หากคุณมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วน ปัญหาหนึ่งที่เราหลายคนเคยเจอก็คือเหตุการณ์แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร แน่นอนว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง เลือกที่จะไปเติมแก๊ส เลือกที่จะไปส่งรถ ในฐานะผู้บริโภค เราก็อยากจะมีตัวเลือกในการเดินทางที่ดีขึ้นกว่านี้บ้าง
จาก painpoint ในจุดนี้เองที่ทำให้บริการเรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชั่นนั้นเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนกรุงได้อย่างตรงจุด อย่างรายล่าสุดเกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของ มาสเตอร์การ์ด กับ โฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล (ผู้บริหารงานสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ) เปิดตัว HaHa Taxi แอปพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่บนมือถือเข้ามาแข่งขันในตลาดอีกราย
นายหัสดินทร์ เอี่ยมชีรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “HaHa Taxi App ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการบริการรถแท็กซี่ที่ทันสมัย สะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัยสำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงเทพฯ นักธุรกิจที่เดินทางมาทำงาน หรือนักท่องเที่ยว ด้วยประสบการณ์การให้บริการรถแท็กซี่กว่า 30 ปี เราจึงสามารถระบุปัญหาและความต้องการต่างๆ ของผู้โดยสารได้โดยเราพร้อมนำเสนอบริการคุณภาพ รวมถึงคนขับและรถแท็กซี่ที่น่าเชื่อถือให้ผู้โดยสารใช้บริการแท็กซี่ได้อย่างง่าย สะดวก ปลอดภัย”
หลายแอปพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ในปัจจุบัน จะเป็นการเรียกระหว่าง Mobile to Mobile จากเครื่องลูกค้าส่งตรงไปยังเครื่องของคนขับ แม้ว่าจะสะดวก แต่กรณีนี้ก็ยังมีความเสี่ยง คือคนขับอาจจะเปลี่ยนรถ ทะเบียนไม่ตรงกับที่แจ้งไว้ รถที่นำมาให้บริการอาจไม่ได้มาตรฐาน เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก แต่ระบบที่เรานำมาใช้จะเป็นแบบ Mobile to Meter เมื่อผู้ใช้งานกดเรียกแท็กซี่ผ่านแอป ระบบจะส่งสัญญาณไปที่มิเตอร์ที่ติดอยู่ที่รถโดยตรง สามารถ Track แบบเรียลไทม์ได้เลยว่าตอนนี้รถอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนขับ
ซึ่งกลุ่มเป้าหมายที่เราโฟกัสในช่วงแรกคือการเน้นที่งานจองแท็กซี่ล่วงหน้า (มากกว่า 3 ชั่วโมง) ซึ่งไม่ต้องใช้คนขับที่ใกล้ที่สุด แต่ต้องการคนขับรถที่ดีที่สุด โดยค่าบริการที่เพิ่มขึ้นมานั้น สมเหตุสมผลกับความปลอดภัยที่ได้รับมากขึ้น
มร.คูบูกี เมลวิน ผู้อํานวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจบริษัท โฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด ตอกย้ำถึงจุดแข็งที่จะช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ให้เข้ามาทดลองใช้บริการ โดยมองถึงภาพรวมในการพัฒนาแอป HaHa Taxi ที่ต้องสอดคล้องไปกับการมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้บริการแท็กซี่ด้วย
“สิ่งที่เราเน้นย้ำเป็นพิเศษมีอยู่ 2 อย่างคือ 1.ความปลอดภัยของผู้โดยสาร อุปกรณ์ทุกอย่างภายในรถผ่านการรับรองและได้มาตรฐานระดับสากล และ 2.ความปลอดภัยด้านการจ่ายเงิน เราจับมือกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอย่างมาสเตอร์การ์ด ที่มีระบบจ่ายเงินแบบอีวอลเล็ตอย่าง มาสเตอร์พาส หรือการผูกบัตรเครดิตเข้ากับแอปพลิเคชั่น โดยเราเน้นย้ำว่า ข้อมูลด้านธุรกรรมจากการใช้บริการ HaHa Taxi App จะได้รับการป้องกันโดยระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้นของมาสเตอร์การ์ด ที่จะเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไว้เป็นความลับ
นางสาว ไอลีน ชูว ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาตลาดประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “กว่าร้อยละ 65 ของการชำระค่าโดยสารในตัวเมืองทั่วโลกยังคงเป็นเงินสด ซึ่งก่อให้เกิดความล่าช้า ค่าใช้จ่าย รวมถึงความเสี่ยงอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต่อทั้งผู้โดยสารและผู้ให้บริการขนส่ง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว มาสเตอร์การ์ดจึงได้ร่วมทำงานกับบริษัทภายในประเทศไทยอย่าง โฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล รวมไปถึงบริษัทอื่นๆ ในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด ในการพัฒนานวัตกรรมไร้เงินสดที่จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถไปถึงจุดหมายได้อย่าง รวดเร็ว ง่ายดาย และสะดวกที่สุด การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงบวกซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมืองที่พลุกพล่าน”
จากประสบการณ์ของเรา เทคโนโลยีและระบบชำระเงินแบบดิจิทัลนั้นจะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบและยกระดับการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมได้เป็นอย่างมาก เราต้องการนำโซลูชั่นที่ผ่านการทดลองและได้รับการยืนยันแล้วว่าประสบความสำเร็จนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมในประเทศไทย โดยเราเชื่อว่าการชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัยจะช่วยลดปัญหาทั้งจากผู้เดินทางและผู้ให้บริการขนส่งทั่วโลกได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HaHa Taxi App ได้ที่ https://bit.ly/2Upq8oJ
ชมภาพบรรยากาศวันแถลงข่าว