โดย จารุวรรณ เวชตระกูล
ในยุคที่สังคมมีแต่ความแก่งแย่ง ยึดเอาประโยชน์ส่วนตนเป็นสำคัญ การพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อการแย่งชิงทรัพยากรทั้งการแย่งชิงเพื่อการเอื้อต่อธุรกิจหรือเพื่อการเอื้อต่อเฉพาะตนหรือวงศ์วารเป็นสิ่งที่เกิดให้เห็นเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ล้วนเป็นกระบวนการเพื่อการแสวงหาพื้นที่ในการดำรงอยู่ ซึ่งผลลัพธ์บ่งชี้ให้เห็นว่า สังคมยิ่งถดถอย ผู้คนยิ่งขาดแคลน นั่นเพราะทรัพยากรจะตกไปสู่กลุ่มบุคคลเฉพาะกลุ่ม โดยไม่ได้กระจายไปสู่สังคมในวงกว้างอย่างที่ควรจะเป็น
ธุรกิจเพื่อการเกื้อกุล (Social Contribution System) คือ รูปแบบธุรกิจที่มีเป้าหมาย และความปรารถนาที่จะยกระดับความอยู่ดีกินดี พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมโดยรวมให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน โดย “เป้าหมายธุรกิจ” มุ่งสู่การสร้างสรรค์สังคมเครือข่ายแห่งการเกื้อกูล แบ่งปัน จุนเจือระหว่างกัน โดยมีพื้นฐานของความเชื่อที่ว่า มนุษย์ล้วนมีจิตที่คิดจะแบ่งปันให้ผู้อื่นเป็นรากฐาน และเราสามารถทำให้เกิดวงจรแห่งการเกื้อกูลนี้ได้ด้วยการขยายความเกื้อกูลจากกลุ่มหนึ่งไปสู่กลุ่มหนึ่ง บนความเชื่อที่ว่าระบบธุรกิจเพื่อการเกื้อกูลจะสามารถเติบโตขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรมทางธุรกิจแห่งการเกื้อกูล และแบ่งปันได้ในที่สุด
จากภาคความคิดสู่รูปแบบธุรกิจเชิงรูปธรรม
จุดเริ่มต้นของระบบธุรกิจแห่งการเกื้อกูลกัน (Social Contribution System) เริ่มจากมุมมอง ความคิดว่าการเกื้อกูลเป็นจุดตั้งต้น เพื่อให้เห็นถึงพลังของการเกื้อหนุน โดยสร้างภาพให้เห็นถึงวงจรแห่งการแบ่งปัน พลังที่จะช่วยเติมเต็มชีวิตให้กันและกัน โดยทุกคนมีความตั้งใจที่จะส่งเสริม ให้กำลังใจ แบ่งปันทรัพยากร ผลกำไร เพื่อช่วยให้เราสามารถขยายและเติบโตไปได้อย่างพอดี พอประมาณ เพื่อปลูกจิตสำนึกแห่งการพึ่งพาอาศัยกัน รวมถึงการสร้างความหวัง และความเชื่อมั่นในระบบสังคมแห่งการเกื้อกูล เมื่อทุกคนในกลุ่มมีการเกื้อกูลเราจะมองเห็นพลังและคุณค่าจากสิ่งเหล่านี้แล้วก็จะสามารถเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงจนเกิดการขยายผลไปสู่วงกว้างทั้งระบบได้
แนวคิดในการทำธุรกิจแห่งการเกื้อกูล ประกอบด้วย
1.การคิดถึงประโยชน์ของกลุ่มคนมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน
2.มีความสมดุลในการแบ่งปันเพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่ได้ เกื้อกูลกันได้ แบ่งปัน และสานประโยชน์ระหว่างกัน
3.ปรารถนาให้มีการเชื่อมโยง สนับสนุน และแบ่งปันทรัพยากรและผลกำไรระหว่างกลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างเครือข่ายแห่งการเกื้อกูลแผ่ขยายออกสู่วงกว้าง
4.ผู้สร้างระบบ คือ ต้นทางการวางระบบและสินค้า ส่งต่อถึงผู้นำระบบไปใช้ เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการยังปลายทาง เพื่อให้ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ได้ส่งต่อภารกิจอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และได้ประโยชน์ต่อกันในทุกฝ่ายอย่างเหมาะสมลงตัว
5.ธุรกิจแห่งการเกื้อกูล ผู้สร้างระบบ คือ ต้นทางที่มอบโอกาสให้แก่ผู้ขาดโอกาสผ่านการส่งมอบสินค้า โดยผู้รับโอกาสนั้นเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น มีความเอาจริงเอาจัง มีความเพียรที่จะประสบความสำเร็จตามความมุ่งหวัง มีความเพียรวันละเล็กละน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้นำมาซึ่งความสำเร็จอย่างมหาศาล
ระบบธุรกิจเพื่อการเกื้อกูลไม่ใช่สิ่งใหม่ในสังคม หากแต่ในสภาวะปัจจุบัน การเกื้อกูล แบ่งปัน และการส่งเสริมกันและกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นน้อยลง จึงเป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมเพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ และการสร้างเครือข่ายการทำธุรกิจที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดี ใส่ใจ เห็นใจในกันและกัน ทุกห่วงโซ่ของธุรกิจอย่างสมประโยชน์ ทั้งต้นทาง คือผู้ผลิต กลางทาง คือตัวแทนการขาย และปลายทาง คือผู้บริโภค ซึ่งเป็นกระบวนการย้อนไปสู่ยุคแห่งธรรมที่ทุกส่วนต่างมีความพึงพอใจในสถานะของตนเองได้อย่างพอดี และมีความสุข
สังคมแห่งการเกื้อกูล เป็นวิถีในการดำเนินชีวิต เพื่อก่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมแห่งการแบ่งปัน และถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เราอยากสร้างให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ในการสร้างโอกาส และให้คุณค่าแก่ผู้คนรวมถึงประโยชน์ที่กลุ่มสังคมทั้งกระบวนการ ทั้งเส้นทางจะได้รับทั้งระบบในระยะยาว (Impact Model) จากการมีจิตสำนึกด้านการเกื้อกูล การส่งเสริมเพื่อสร้างความสำเร็จที่ดี มีความเพียรพยายามที่จะสร้างวิถีนั้นด้วยความมุ่งมั่น มีความปรารถนาที่จะทำให้ตนเอง และสังคมได้เจริญขึ้นในทุกทางเพื่อขยายพื้นที่เล็กๆ สู่พื้นที่กว้างของสังคม ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเป็นผลกระทบทางบวกสู่ประเทศชาติอย่า
มหาศาล และประเทศชาตินั้นก็จะสามารถพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด
ขอหยิกยกตัวอย่างธุรกิจ เพื่อการเกื้อกูลของแบรนด์พรรณเวช ซึ่งเป็นธุรกิจเวชสำอางเพื่อการชะลอวัย ซึ่งมีจุดตั้งต้นที่คณะผู้บริหารมีเจตนาที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ จากแพทย์ผิวหนังส่งตรงไปยังผู้บริโภค ด้วยระบบการขายแบบแบ่งปันรายได้ ด้วยความตรงไปตรงมาไม่บิดเบือน หรือหลอกลวงผู้ซื้อ ทั้งนี้ผู้แทนการขายจะไม่ต้องใช้งบประมาณไปสต็อกสินค้าอันเป็นภาระในการเริ่มต้นธุรกิจ ทำให้ผู้ร่วมธุรกิจมีความสุขและมองเห็นโอกาสบนพื้นที่แห่งความเป็นไปได้ที่จะได้มีโอกาสสร้างตน สร้างรายได้ให้ตนเองต่อไป โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนมากมายในสังคมที่ขาดทุนทรัพย์สามารถได้รับโอกาสที่ดีได้ด้วยเช่นกัน
ธุรกิจความงามในประเทศไทยเป็นธุรกิจที่มีอนาคตและมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทุกปี แต่ว่าที่ผ่านมากลับพบว่าผลิตภัณฑ์ความงามในตลาดส่วนหนึ่งไม่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ผิวหนังโดยตรง และมีการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐาน กรอปกับกลยุทธ์การโฆษณาชวนเชื่อ หลอกล่อผู้บริโภคด้วยสิ่งของและความร่ำรวยแบบฉับพลัน อันเป็นการสร้างระบบธุรกิจแบบเทียม คือ ไม่ได้มีการบริโภคหรือขยายเครือข่ายทางธุรกิจจริง เน้นให้ตัวแทนจำหน่ายกักตุนสินค้า หลายคนต้องกู้เงินนอกระบบ เพื่อเป็นทุนในการทำธุรกิจดังกล่าว เมื่อธุรกิจเสมือนที่ไม่มีการซื้อขายกันจริงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค เกิดการชะงักงัน การส่งต่อสินค้าย่อมถึงทางตัน และเมื่อถึงจุดนั้นบริษัทต้นทางจะยุติบทบาทและปิดตัวลงในที่สุดทำให้ความเสียหายต่างๆ ตกอยู่กับผู้แทนการค้าในลำดับต่อไป จึงเป็นเหตุให้เกิดความล่มสลายหรือข่าวความเสียหาย หลอกลวงต่างๆ มาโดยตลอด
ในยุคที่เศรษฐกิจถดถอย การมีรายได้ทางเดียวนับเป็นเรื่องที่เสี่ยงและประมาทในการใช้ชีวิต พรรณเวชเล็งเห็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจด้วยระบบการเกื้อหนุน และไม่เป็นภาระกับผู้ร่วมธุรกิจ คือ ไม่ต้องซื้อสินค้าเพื่อการสต็อก และตัดกระบวนการในการจัดส่งสินค้า โดยทางทีมงานพรรณเวชจะเป็นผู้ดูแลให้การสนับสนุนทั้งหมด สะท้อนผ่านบทพิสูจน์ว่า “การให้โอกาส” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แนวคิดเริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งหวังเพื่อการเกื้อกูล โดยมีส่วนประกอบด้านความมุ่งมั่น ความเพียรพยายาม เป็นส่วนประกอบที่ต้องมีจึงจะดำเนินธุรกิจได้อย่างสำเร็จ และพร้อมที่จะส่งต่อหรือมอบโอกาสให้แก่ผู้อื่นต่อไป รูปแบบธุรกิจเพื่อการเกื้อกูล หรือ Social Contribution System เน้นการเปิดพื้นที่แห่งโอกาส เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ และเปิดใจแก่คนที่จะมาร่วมธุรกิจ เพื่อให้สามารถสร้างรายได้เป็นส่วนเสริมจากอาชีพประจำ หรือสามารถสร้างเป็นธุรกิจหลักได้ในอนาคต ธุรกิจที่สามารถเกื้อหนุนคนได้มากจะสามารถสร้างสังคมแห่งการเกื้อกูลได้มาก และธุรกิจนั้นจะสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนในสังคม
หลักเกณฑ์ของธุรกิจพรรณเวช ธุรกิจแห่งการเกื้อกูล Social Distribution System
1.ผู้ร่วมธุรกิจจะมีความเติบโตอย่างยั่งยืนจากระบบเกื้อหนุนและแบ่งปัน
2.ผู้บริโภคมีความวางใจตัวสินค้าและบริการที่มีมาตรฐานและคุณภาพที่ดี
3.ผู้ร่วมธุรกิจมีช่องทางที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติม
4.ผู้ร่วมธุรกิจไม่ต้องใช้เงินลงทุนในการกักตุนสินค้า
5.ผู้สนใจร่วมธุรกิจจักต้องเป็นผู้ที่มีเป้าหมายสร้างความสำเร็จ
6.มีระบบการให้ความรู้ให้ข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ
7.มีการเกื้อกูลในการจัดสรรทรัพยากรและแบ่งบันความรู้โอกาสแบบพี่น้อง
บทสรุปของโลกยุคใหม่ในสหัสวรรษที่ 2019 การเกื้อกูลถือเป็นพื้นฐานแห่งการร่วมแรงร่วมใจ การวางใจ และการส่งต่อประโยชน์และสิ่งดีงาม การแข่งขันอย่างอิสระโดยปราศจากกำแพงแห่งกฎเกณฑ์ โอกาสยังคงเปิดสำหรับผู้มีเป้าหมายชัดเจน และเอาจริงเอาจังกับความสำเร็จ บรรยากาศแห่งการเกื้อหนุน จุนเจือ ยังคงเป็นวิถีแห่งธรรมชาติ ที่จะโอบอุ้มผู้เอาจริงต่อเป้าหมายและเดินทางสู่ความสำเร็จนั้นอย่างยั่งยืน