ZEN เข้าเทรดวันแรก มั่นใจพื้นฐานธุรกิจแกร่ง ตั้งเป้าก้าวเป็นผู้นำธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสในไทยพร้อมรุกเพิ่มสาขาร้านอาหารและแฟรนไชส์

‘บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป’ หรือ ZEN นำหุ้นเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูศักยภาพธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากธุรกิจร้านอาหารที่มีแบรนด์หลากหลายและโอกาสเติบโตจากการขยายแฟรนไชส์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เตรียมปูพรมขยายสาขาร้านอาหารแบบก้าวกระโดดอีกกว่า 348 สาขาในช่วง 2 ปีนับจากนี้ (ปี 62-63) พร้อมตั้งเป้าหมายก้าวเป็นผู้นำธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสในประเทศไทย

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) หรือ ZENเปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้นำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยใช้ชื่อย่อ ‘ZEN’  ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 28 ปี และมีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน เป็นผู้ประกอบธุรกิจฟู้ดเซอร์วิส (Food Services) ที่มีทั้งธุรกิจร้านอาหารที่มีแบรนด์หลากหลาย ธุรกิจแฟรนไชส์ที่ช่วยให้ขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่มีโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ที่สร้างความแตกแต่งจากผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีแบรนด์ร้านอาหารทั้งสิ้น 12 แบรนด์ มีจำนวนสาขารวมทั้งสิ้น 255 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561) แบ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น 6 แบรนด์ จำนวน 88 สาขา ได้แก่ 1. ZEN 2. AKA 3. On the Table Tokyo Café  4. Sushi Cyu Carnival Yakiniku 5. Testu และ 6. Musha by ZEN และแบรนด์ร้านอาหารไทยอีก 6 แบรนด์ จำนวน 167สาขา ได้แก่ 1. ตำมั่ว 2. ลาวญวน 3. แจ่วฮ้อน 4. เฝอ 5. de Tummour และ 6. เขียง ซึ่งแบรนด์เขียงนั้น เป็นร้านอาหารไทยตามสั่งหรือ Street Food แบรนด์ใหม่ที่นำเสนออาหารไทยจานเดียว เปิดบริการสาขาแรกที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาเจษฎาบดินทร์ จ.นนทบุรี ในเดือนธันวาคม ปี2561

ส่วนในปี 2562 – 2563 มีแผนขยายร้านอาหารเพิ่มขึ้นอีก 348 สาขา โดยจะเน้นการให้สิทธิแก่แฟรนไชส์เพื่อขยายสาขาเพิ่มขึ้น ในจำนวนนี้เป็นแผนขยายสาขาในปี 2562 จำนวน 123 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่กลุ่มบริษัทฯ ลงทุนเอง 36 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 87 สาขา ส่วนแผนงานในปี 2563 วางแผนขยายร้านอาหารอีก 225 สาขา แบ่งเป็นสาขาที่กลุ่มบริษัทฯ ลงทุนเอง 50 สาขา และให้สิทธิแฟรนไชส์ 175 สาขา

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 (มกราคม – กันยายน 2561) มีอัตราการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม 2,226.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 108.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น

“เราพร้อมขยายสาขาอย่างเต็มที่ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราได้ลงทุนด้านระบบบริหารจัดการภายในองค์กรและเสริมทีมบุคลากรไว้แล้ว ประกอบกับฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเรามีเป้าหมายยกระดับบริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสของประเทศไทย และมุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจจากลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง” นายบุญยง กล่าว

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ปัจจุบัน ZEN เป็นหนึ่งในผู้ประกอบธุรกิจฟู้ดเซอร์วิสชั้นนำของประเทศไทย โดยถือเป็นผู้บุกเบิกร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นรายแรกๆ ในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่น ‘ZEN’ และได้มีการขยายแบรนด์ใหม่ๆ และสาขาเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับล่าง กลาง และบน นอกจากนี้ ZEN ยังได้ขยายเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจค้าปลีก ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงและผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน และธุรกิจ Delivery เป็นต้น เพื่อขยายฐานลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ธุรกิจอาหารถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ จึงได้รับผลดีจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ขยายตัวและการขยายตัวของรายได้ประชากรและการเติบโตของหัวเมืองใหญ่ โดยนับจากปี 2555 – 2560 ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารมีอัตราเติบโตเฉลี่ยประมาณ 4.7% ต่อปี หรือมีมูลค่าตลาดรวมในปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 8.4 แสนล้านบาท ขณะที่ Euromonitor International คาดการณ์ในปี 2565 มูลค่าตลาดธุรกิจร้านอาหารจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1.05 ล้านล้านบาท