-
57 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า ปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดคือการสื่อสารเกี่ยวกับข้อมูลอันตรายภายในองค์กร
-
64 เปอร์เซ็นต์ระบุว่า ผลกระทบจากการโจมตีครั้งใหญ่อย่าง WannaCry ช่วยสร้างความตระหนักถึงผลกระทบจากการดูแลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ไม่เพียงพอต่อกลุ่มผู้บริหารได้
เทรนด์ไมโคร (TYO: 4704; TSE: 4704) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้ออกมาเผยข้อมูลว่า ผู้บริหารด้านไอทีที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ส่วนหนึ่งรู้สึกว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่ได้ให้การสนับสนุนตนเองเท่าที่ควร โดยมีถึง 33 เปอร์เซ็นต์ที่พบว่าตำแหน่งงานของตนเองถูกโดดเดี่ยวจากองค์กรโดยรวม
ทีมงานด้านไอทีต่างกำลังเผชิญแรงกดดันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจากปัญหาที่ต้องเผชิญอยู่ อย่างการจัดลำดับความสำคัญของอันตรายแบบต่าง ๆ (47 เปอร์เซ็นต์) และการเฝ้าติดตามสภาพแวดล้อมด้านความปลอดภัยที่บกพร่องอยู่ (43 เปอร์เซ็นต์) ผลสำรวจดังกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขากำลังรู้สึกว่าความรับผิดชอบที่ตนเองได้รับมอบหมายนั้นค่อนข้างหนักเกินไป โดยมีถึง 34 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าภาระงานที่ตนเองแบกรับอย่างหนักนี้ได้ทำให้ความพึงพอใจในงานของตนเองลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
“ผู้นำองค์กรจำเป็นต้องตระหนักว่า พนักงานทุกคนที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ในการดูแลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นล้วนเผชิญกับความเครียดทั้งสิ้น” Bharat Mistry หัวหน้าทีมกลยุทธ์ด้านความปลอดภัยของเทรนด์ไมโครกล่าว “จากสถานการณ์ด้านการโจมตีทางไซเบอร์ที่รุนแรงมากขึ้นทั้งด้านปริมาณและความซับซ้อนนั้น ทำให้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือช่วยเหลือกัน ไม่มีธุรกิจไหนที่สามารถปล่อยให้ฝ่ายไอทีทำงานอย่างโดดเดี่ยวเพียงแค่มองว่าเป็นหน่วยงานที่ต้องมีไว้ (แต่ไม่ได้มีผลต่อธุรกิจแต่อย่างใด) หมายความว่า เราจำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดจากเดิมที่มองการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องของฝ่ายไอทีอย่างเดียว มาเป็นการแบ่งปันความรับผิดชอบร่วมกันทุกคนทั่วทั้งองค์กรแทน”
ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า 72 เปอร์เซ็นต์มีการนำเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์เข้ามาคุยกันในระดับคณะกรรมการบริหารขององค์กร แต่คนที่นั่งเก้าอี้บริหารอยู่นั้นกลับไม่มีใครที่เหมาะสมหรือมีความรู้ด้านนี้เพียงพอ จนทำให้กลายเป็นการพูดคุยที่ไม่มีประโยชน์ในที่สุด ทั้งนี้เทรนด์ไมโครสำรวจพบว่า 44 เปอร์เซ็นต์เผชิญอุปสรรคในการสื่อสารเกี่ยวกับอันตรายที่ซับซ้อนให้ผู้นำองค์กรเข้าใจ และกว่า 57 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า การสื่อสารภายในองค์กรถือเป็นปัญหาสำคัญที่สุดในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์
มีผู้ตอบแบบสอบถามระบุเพิ่มเติมว่า การโดนโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทอย่างชัดเจนมักทำให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญด้านนี้อย่างจริงจัง หรือวัวหายแล้วถึงอยากล้อมคอก โดย 64 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า การสื่อสารทำได้ง่ายขึ้นมากในช่วงที่มีสถานการณ์การโจมตีที่เกิดขึ้นในวงกว้างและใกล้ตัวอย่าง WannaCry จึงเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่คนทำงานด้านไอทีว่า จะทำอย่างไรถึงแก้ปัญหาด้านการสื่อสารได้ก่อนที่จะสายเกินไป หรือโดนโจมตีไปแล้ว
Mistry กล่าวเสริมว่า “การนำประเด็นนี้ขึ้นไปคุยกับบอร์ดบริหารได้นั้นถือเป็นแค่ก้าวแรก เจ้าหน้าที่ด้านไอทียังจำเป็นต้องหาวิธีที่จะสื่อสารถึงคุณค่าของการมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยกับพนักงานทุกคนทั่วทั้งบริษัทด้วย นอกจากนี้ยังต้องคอยเรียนรู้เพิ่มเติมจากตัวอย่างผู้นำองค์กรอื่น ๆ ที่ประสบความสำเร็จในการสื่อสารให้ตระหนักถึงความเสี่ยงด้านความปลอดภัย จนสามารถทำให้ทุกฝ่ายในองค์กรตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นอันดับแรก”
เกี่ยวกับเทรนด์ไมโคร
เทรนด์ไมโคร ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้มุ่งมั่นในการทำให้โลกของเราสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางดิจิตอลได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยได้พัฒนาโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ทั้งระดับคอนซูเมอร์, ระดับธุรกิจ, และหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์, การทำงานบนคลาวด์, เน็ตเวิร์ก, และเอนด์พอยต์ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถแบ่งปันข้อมูลด้านความปลอดภัยระหว่างกันได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง พร้อมรับมือกับอันตรายทางไซเบอร์ได้ด้วยความสามารถในการมองเห็นและตรวจสอบจากศูนย์กลาง เพื่อให้ปกป้องระบบโดยรวมได้ดียิ่งขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น ด้วยเจ้าหน้าที่มากกว่า 6,000 คนจาก 50 ประเทศ รวมทั้งเครือข่ายค้นคว้าวิจัยด้านความปลอดภัยที่ถือว่าล้ำหน้าที่สุดในโลกนี้ ทำให้เทรนด์ไมโครสามารถช่วยปกป้ององค์กรทั่วโลกให้เชื่อมต่อระหว่างกันได้อย่างปลอดภัย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้ที่ www.trendmicro.com
ระเบียบวิธีการวิจัย
งานวิจัยที่ระบุข้างต้นนี้จัดทำขึ้นโดย Opiniumซึ่งเทรนด์ไมโครคอยให้การสนับสนุน เป็นการสำรวจแบบออนไลน์จากผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กว่า 1,125 ราย จากสหราชอาณาจักร, อเมริกา, เยอรมัน, สเปน, อิตาลี, สวีเดน, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, เบลเยี่ยม, และสาธารณรัฐเชค