วันที่ 14 มี.ค.62 เวลา 11.00 น. ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี จากกรณี นางจันทนี หรทึก อายุ 67 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2562 อ้างว่าเงินที่อยู่ในบัญชีธนาคารธนชาต จำนวน 72,222.67 บาท ซึ่งฝากไว้ตั้งแต่ปี 2549 หายไปโดยไม่ได้เบิกถอนเองนั้น วันนี้นางจันทนีเดินทางมาถอนแจ้งความดังกล่าวแล้ว โดยมีผู้แทนจากธนาคารธนชาตและสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน หลังจากจนด้วยพยานหลักฐานที่ธนาคารรวบรวมและนำแสดงต่อเจ้าพนักงานสอบสวน ชี้ว่าเงินไม่หาย ลูกค้าเบิกถอนเองจนเกือบหมดก่อนบัญชีจะปิดไป ย้ำเป็นสถาบันการเงินมืออาชีพ มีบันทึกธุรกรรมของลูกค้าทั้งหมด โปร่งใส ตรวจสอบได้
ก่อนหน้านี้ นางจันทนีเข้าแจ้งความโดยอ้างว่า เงินได้หายไปจากบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารธนชาต ซึ่งจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้ข้อมูลหลักฐานจากทางธนาคารธนชาตทั้งที่เป็นเอกสารและพยานบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ทำรายการและผู้อนุมัติ รวมทั้งสลิปการเบิกถอนเงินเพื่อเปรียบเทียบกับลายมือของลูกค้าผู้ร้องเรียน พบว่า บัญชีดังกล่าวเปิดมาตั้งแต่เป็นธนาคารนครหลวงไทย ก่อนควบรวมกับธนาคารธนชาต ต่อมานางจันทนีแจ้งความว่า สมุดบัญชีดังกล่าวหายไป และนำบันทึกประจำวันไปขอออกสมุดใหม่ จากนั้นจึงทยอยเบิกถอนเงินจากสมุดบัญชีเล่มใหม่จนเกือบหมดและบัญชีไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ทางธนาคารจึงแจ้งขอปิดบัญชีไป แต่หลังจากนั้นนางจันทนีไปพบสมุดบัญชีเล่มเก่าที่หายไปและเข้าใจว่ายังมีเงินอยู่จึงมาขอเบิกถอนและนำไปสู่การแจ้งความ ซึ่งธนาคารธนชาตนำส่งเอกสารต่างๆ เช่น หลักฐานการถอนเงินจากบัญชี และบันทึกแจ้งความเรื่องเอกสารหายให้พนักงานสอบสวน หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนได้เชิญนางจันทนี มาตรวจสอบเอกสารที่ธนาคารนำส่ง ก่อนยอมรับว่าตนเองหลงลืม จำไม่ได้ว่าถอนเงินไปเอง ไม่มีเจตนากระทำการให้ธนาคารเสียหาย จึงได้ถอนแจ้งความธนาคาร
ด้านธนาคารธนชาตยืนยัน ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง แม้ว่าจะเป็นบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่เปิดตั้งแต่ยังเป็นธนาคาร นครหลวงไทยซึ่งนานกว่า 14 ปีแล้ว และย้ำว่า ธนาคารมีความเป็นสถาบันการเงินมืออาชีพ ดำเนินธุรกรรมอย่างโปร่งใสตามระเบียบขั้นตอนด้วยความรอบคอบกับลูกค้าทุกราย