ซีพี สานฝัน..ปันโอกาส” ปีที่ 3 สานฝัน 20 นักเตะเยาวชนดาวรุ่ง เข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพ

ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สำหรับโครงการซีพี สานฝัน ปันโอกาส ปั้นเยาวชนเข้าสโมสรฟุตบอลอาชีพ ที่เครือซีพีจับมือกับสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย สานต่อโครงการมาถึงรุ่นที่ 3 ในปีนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กไทยที่มีความรักและความฝันอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้ทำตามความฝันของตัวเอง

นายขจร เจียรวนนท์ กรรมการบริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ประธานสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในฐานะผู้ดำเนินโครงการฯ เปิดเผยว่า ในปีนี้มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 5,000 คน จาก 8 สนาม 7 จังหวัดทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย คัดเลือกจนเหลือ 83 คน เข้าแคมป์คัดเลือกรอบสุดท้ายเมื่อวันที่ 8-10 มีนาคมที่ผ่านมา และเฟ้นหาเด็กที่เป็นช้างเผือกเพียง 20 คนเท่านั้น

เส้นทางการตามความฝันของน้องทั้ง 20 คนที่ได้เข้าโครงการ ทุกคนต้องผ่านด่านทดสอบอย่างเข้มข้นกว่าจะมาถึงรอบสุดท้าย ตั้งแต่ทักษะพื้นฐาน เช่น การเดาะบอล เลี้ยงบอล และยิงประตู เป็นต้น โดยมี มร. แดเนียล อินวินซิบิเล่ Academy director True BUFC Academy เป็นหัวหน้าทีมในการทดสอบตามมาตรฐานระดับโลก และในปีนี้เรายังมีการวัดทัศนคติของเด็กที่มีต่อกีฬาฟุตบอลและความเป็นผู้นำ รวมถึงการทำงานเป็นทีม เพราะการเป็นนักฟุตบอลที่ดี ที่ประสบความสำเร็จได้ นอกจากจะมีพรสวรรค์ด้านการเล่นฟุตบอลแล้ว มีทักษะที่ดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง และยังต้องมีระเบียบวินัย มีความเป็นทีมเวิร์ค มีจิตใจเข้มแข็งและมุ่งมั่นด้วย

สำหรับเยาวชนที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 20 คน จะได้ทุนเรียนฟรีในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฯ ซึ่งตลอด 6 ปี น้องๆ จะได้รับการบ่มเพาะทั้งด้านการศึกษาและร่างกายให้แข็งแกร่ง ให้เป็นนักเตะเยาวชนที่เติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยมีทีมโค้ชจากทีมอะคาเดมี่ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และทีมโค้ชของโรงเรียนวางแผนการฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ยังมีการวางแผนด้านโภชนาการที่เหมาะสมให้กับน้องๆ ควบคู่ไปด้วย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของเครือซีพี คือการพัฒนาด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และการศึกษาที่เท่าเทียม

นายขจร กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราเชื่อมั่นว่า นักเตะเยาวชนที่ได้รับโอกาสในครั้งนี้ ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ในการพัฒนาฝีเท้าในการเล่นฟุตบอลที่มีมาตรฐานสากล เป็นการเริ่มต้นสร้างความพร้อมของ

เยาวชน อีกทั้งได้พัฒนาขีดความสามารถในทักษะการเล่นฟุตบอลจากโค้ชมืออาชีพ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้มุ่งมั่นสู่ความสำเร็จในเส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ในอนาคต ควบคู่ไปกับส่งเสริมด้านวิชาการ เพื่อให้เป็นคนเก่งและดีไปพร้อมกัน”

ดร.วัชรพงษ์ อภิญญานุรังสี ผู้จัดการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย กล่าวว่า ทางโรงเรียนมีประสบการณ์ในการพัฒนานักฟุตบอลระดับเยาวชนมายาวนาน เป็นสถาบันที่บ่มเพาะนักฟุตบอลฝีเท้าดี ขึ้นมาติดทีมชาติไทยตลอดจนเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาแล้วจำนวนมาก อาทิ ลีซอ-ธีรเทพ วิโนทัย, โชคทวี พรหมรัตน์, อดิศักดิ์ ไกรษร เป็นต้น น้องๆ ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 20 คน จะได้รับการดูแลจากโรงเรียน ทั้งด้านการเรียนควบคู่กับการฝึกฝนทักษะฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นด้านระเบียบวินัย ศีลธรรม หรือการดูแลตัวเอง เพื่อให้เด็กเหล่านี้เติบโตเป็นคนดี เป็นนักฟุตบอลที่เก่งมีน้ำใจนักกีฬา มีศักยภาพพร้อมสานฝันสู่นักฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จในอนาคต

ด้านน้องโฟกัส-ด.ช. ธนวัตน์ ดีเลิศ อายุ 12 ปี หนุ่มน้อยแข้งทองที่มาไกลจากจ.อุดรธานี 1 ใน 20 ที่เข้ารอบปีนี้ บอกว่า เล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ จนปัจจุบันเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนในตำแหน่งกองหน้า ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวและถ้วยมาแล้วมากมาย “รู้สึกดีใจที่ผ่านการคัดเลือกได้ เพราะปีที่แล้วก็มาสมัครแต่ตกรอบ 2 รู้สึกเสียใจ เป็นแรงผลักดันให้ตัวเองว่าปีนี้ต้องทำตามความฝันให้ได้เลยกลับมาซ้อมให้หนักขึ้น 5 วันต่อสัปดาห์ พอประกาศผลมีชื่อตัวเองก็ดีใจมาก ต้องขอบคุณโค้ช คุณพ่อคุณแม่ ที่ให้การสนับสนุน ให้กำลังใจมาตลอด และขอบคุณโครงการนี้ที่ทำให้ได้ทำตามความฝันของตัวเองที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ”

น้องณัฐ.. ณัฐกันต์ เอี่ยมสร้างกี้ อายุ 11 ปี อีกหนึ่งเยาวชนที่เดินทางตามความฝันที่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพมาจากจ.ภูเก็ต สมัครโครงการนี้เป็นปีแรกในตำแหน่งกองหน้า เปิดเผยความรู้สึกว่า เริ่มเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่ 5 ขวบ โดยแรกเริ่มคุณพ่อพาเล่นฟุตบอล เล่นไปเล่นมารู้สึกชอบและหลงรักในกีฬาฟุตบอล รู้สึกดีใจตอนที่ประกาศชื่อตัวเองว่าได้เข้ารอบ ถือเป็นโอกาสที่ตัวเองจะได้ทำตามความฝันที่จะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิใจ ตนจะทำให้ดีที่สุดไม่ให้ผิดหวังครับ”

ส่วนน้องไอซ์.. ณัฐกิตติ์ เสนาโนฤทธิ์ อายุ 12 ปี เพิ่งจบการศึกษาประถมศึกษาปีที่ 6 มาจากจ.สุพรรณบุรี สมัครในตำแหน่งกองกลาง สมัครเข้าโครงการในปีนี้เป็นปีแรก กล่าวว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจที่ทำให้พ่อแม่ดีใจไปกับเราด้วย อยากบอกพ่อกับแม่ว่าผมทำให้พ่อกับแม่ได้แล้ว ก่อนมาคัดตัวมีการเตรียมตัวด้วยการฝึกซ้อมทุกวัน และมีเพื่อนที่ได้เข้าโครงการรุ่น 2 ไปแล้วเป็นแรงบันดาลใจ โดยส่วนตัวเริ่มมาชอบฟุตบอลเพราะเห็นคุณพ่อเล่นฟุตบอลและพาไปสนามบอลทุกวัน ทำให้ชอบการเล่นฟุตบอลตั้งแต่นั้นมา มีนักบอลในดวงใจคือ คริสเตียโน โรนัลโด ความฝันสูงสุดคือเป็นนักฟุตบอลทีมชาติ อยากไปเล่นในลีกยุโรป อยากเป็นนักเตะทีมสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด”

ด้านคุณแม่ลัดดา นิลพัทธ์ คุณแม่ของน้องณัฐ ที่เดินทางมาให้กำลังลูกชายข้างสนามแบบใกล้ชิดกล่าวว่า ตอนที่ประกาศชื่อลูกผ่านเข้ารอบ รู้สึกดีใจและภูมิใจในความสามารถของลูกมาก ที่ทำความภาคภูมิใจให้ครอบครัว ซึ่งตอนแรกไม่อยากให้ลูกมา เพราะไม่อยากให้ลูกอยู่ไกลจากตัว แต่ลูกชายและโค้ชบอกว่า น้องมีความพร้อมที่จะไปต่อในเส้นทางตามความฝันและความสามารถของน้องได้ ซึ่งเชื่อมั่นในโครงการที่นอกจากมอบทุนการศึกษาแล้ว ยังมีโปรแกรมการฝึกซ้อมที่มั่นใจได้ว่าจะทำให้เด็กๆก้าวสู่ความฝันได้อย่างแน่นอน

“ในฐานะคนเป็นแม่ก็รู้สึกภูมิใจที่ลูกได้ทำตามความฝันของตัวเองได้ และต้องขอบคุณโครงการที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีโอกาสทำตามความฝันของตัวเอง”