สิงห์ เอสเตท ประกาศปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น จากผลกำไรโต 125% เดินหน้า 3 ธุรกิจหลัก โฟกัสโรงแรม เตรียมเปิดครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ กลางปีนี้

บมจ.สิงห์ เอสเตท บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2561 ว่ามีผลกำไรสุทธิ 1,287 ล้านบาท หรือ เติบโตขึ้น 125% จากปี 2560 พร้อมเดินหน้าตามแผนพัฒนาลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจที่อยู่อาศัย ธุรกิจคอมเมอร์เชียล และธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ยังเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในการเปิดเมกะโปรเจ็กต์ “ครอสโร้ดส์” แหล่งท่องเที่ยวที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดแห่งแรกของมัลดีฟส์ ในเดือนมิถุนายนนี้

นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานวัน Opportunity Day ที่ตลาดหลักทรัพย์ถึงภาพรวมผลประกอบการของ สิงห์ เอสเตท ในปี 2561 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 7,539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ โครงการ ดิ เอส อโศก ให้แก่ลูกค้าเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 และรวมกับผลประกอบการจากกิจการโรงแรม เอาท์ริกเกอร์ จำนวน 6 โรงแรม ที่บริษัทฯ เข้าซื้อในระหว่างปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงทำให้ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 125% ซึ่งรายได้รวมในปี 2561 ของบริษัทฯ มาจาก 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัยมีรายได้ 3,974 ล้านบาท, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าหรือธุรกิจคอมเมอร์เชียลมีรายได้ 674 ล้านบาท และธุรกิจโรงแรมบริษัทฯ มีรายได้ 2,576 ล้านบาท ซึ่งหากดูจากสัดส่วนรายได้ของแต่ละธุรกิจจะพบว่าเริ่มใกล้เคียงกับเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการให้เกิดความสมดุลระหว่างรายได้ประจำ (Recurring Income) กับรายได้ไม่ประจำ (Nonrecurring income) ในอัตราส่วน 50:50

ขณะที่ในปี 2562 สิงห์ เอสเตท ได้เตรียมจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท คิดเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นกว่า 274 ล้านบาท ในช่วงเดือนพฤษภาคม ส่วนแผนการดำเนินงาน สิงห์ เอสเตท ยังคงเดินหน้าพัฒนาใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจที่พักอาศัย ธุรกิจคอมเมอร์เชียล และธุรกิจโรงแรม ตอกย้ำการเป็น Premier Lifestyle Developer ที่มุ่งมั่นในการเป็น Global Holding Company ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล โดย ธุรกิจ ‘ที่พักอาศัย’ ในปีนี้ได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี โครงการล่าสุด บริเวณซอยรางน้ำ จำนวน 1 อาคาร ความสูง 35 ชั้น มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างสำนักงานขาย และคาดว่าจะมีการเปิดตัวภายในกลางปีนี้ ด้านธุรกิจ ‘คอมเมอร์เชียล’ บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัวโครงการ OASIS ซึ่งเป็นโครงการอาคารสํานักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า มูลค่าการลงทุนรวม 3,695 ล้านบาท ความสูงทั้งสิ้น 36 ชั้น โดยมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 53,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่สํานักงาน และ พื้นที่ค้าปลีก ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดประมาณ 7 ไร่ ติดกับอาคารซันทาวเวอร์ส บนถนนวิภาวดีรังสิต โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565 รวมถึงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ได้จัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท หรือ S Prime Growth Leasehold Real Estate Investment Trust (SPRIME) ซึ่งเป็น REIT กองแรกของบริษัท คือ ที่ลงทุนในอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส และได้นำหน่วยทรัสต์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย และได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบัน โดยมียอดจองซื้อมากกว่าจำนวนหน่วยทรัสต์ที่จัดสรรให้ (Oversubscribed) ถึงกว่า 5 เท่า

สำหรับธุรกิจ ‘โรงแรม’ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลัก ที่สร้างรายได้สูงให้กับสิงห์ เอสเตท โดยในปีที่ผ่านมา กับพอร์ทปัจจุบันที่มีห้องพักรวม 4,271 ห้อง จากโรงแรมและรีสอร์ท 37 แห่งทั่วโลก (ยังไม่รวมโรงแรมในโครงการครอสโร้ดส์) ปีนี้ สิงห์ เอสเตท ยังคงมองหาโรงแรมที่ตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกเข้ามาเติมเต็มพอร์ท รวมทั้งได้เตรียมพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าโรงแรมเอาท์ริกเกอร์ 3 แห่ง คือ โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท (Outrigger Laguna Phuket Beach Resort), โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ ฟีจี บีช รีสอร์ท ประเทศฟีจี(Outrigger Fiji Beach Resort) และ โรงแรมแคสต์อะเวย์ ไอส์แลนด์ ประเทศฟีจี (Outrigger Castaway Island)

ที่สำคัญปีนี้ สิงห์ เอสเตท ยังได้เตรียมเปิดให้บริการเฟสแรกของโครงการ “ครอสโร้ดส์” แหล่งท่องเที่ยวที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดแห่งแรกในมัลดีฟส์ ซึ่งนับว่าเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของนักลงทุนไทยในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ประกอบด้วย เดอะ มารีน่า แอท ครอสโรดส์ พื้นที่สำหรับความบันเทิงและร้านค้าปลีกขนาด 11,000 ตารางเมตร มีร้านอาหารและร้านค้าชื่อดังมากมาย อาทิ Coffee bean & tea leaf, Sazanami, Ministry of Crab, Carne Diem Grill, Island Breeze และ Toddy โรงแรม ซาย ลากูน มัลดีฟส์ คูริโอ คอลเล็กชั่น บาย ฮิลตัน (SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton) และโรงแรมฮาร์ด ร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) โดยจะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้

“และในปี 2562 นี้ ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการรับรู้รายได้จากโครงการที่สร้างเสร็จ โดยบริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากการโอนโครงการ ได้แก่ ดิ เอส อโศก (THE ESSE ASOKE), ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (THE ESSE AT SINGHA COMPLEX), สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส (SANTIBURI THE RESIDENCES), บันยันทรี เรสซิเดนซ์ ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ (BANYAN TREE RESIDENCES RIVERSIDE BANGKOK) รวมทั้งการรับรู้รายได้เต็มปีจากอาคารสำนักงานสิงห์ คอมเพล็กซ์ (SINGHA COMPLEX),โรงแรมเอาท์ริกเกอร์ (Outrigger) 6 โรงแรม และเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ “ครอสโร้ดส์ (CROSSROADS) สาธารณรัฐมัลดีฟส์ที่จะเปิดในช่วงกลางปี ซึ่งจากเป้าหมายและแผนการดำเนินงานทั้งหมดของสิงห์ เอสเตท เราเชื่อว่าในปี 2562 ทุกคนจะได้เห็นถึงการเติบโตของสิงห์ เอสเตท ทั้งด้านสินทรัพย์และความแข็งแกร่งทางการเงิน นำมาสู่การสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในอนาคตอย่างแน่นอน” นางฐิติมา กล่าวปิดท้าย

เกี่ยวกับสิงห์ เอสเตท

สิงห์ เอสเตท เป็นบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดหลักปรัชญาการเติบโตอย่างยั่งยืน รักษาความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตด้วยพอร์ทการลงทุนที่มีความสมดุลและหลากหลายจากการพัฒนาธุรกิจพื้นที่ค้าปลีก พื้นที่สำนักงานให้เช่า ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่พักอาศัย มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพสูงทั้งในและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทลงทุนและโฮลดิ้งระดับโลก ที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และนำเสนอคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม