-
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย รุกหนักกลยุทธ์ใหม่ “Smart Integrated Strategy” รองรับการขยายตัวและการต่อยอดทางธุรกิจ เดินหน้าสร้างการเติบโตแบบเต็มสูบ
-
เผยเทรนด์การพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแบบสร้างตามความต้องการ หรือBuilt-to-Suit แห่งอนาคต เพื่อสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric Solution)
-
ดึงจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอาคารคุณภาพสูงมาตรฐานระดับสากล และความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า นำเสนอบริการที่ครอบคลุมและครบวงจร
-
ตั้งเป้ารุกขยายพื้นที่ให้บริการโรงงานและคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit ในปีงบประมาณ 2562 นี้ ไม่ต่ำกว่า 120,000 ตารางเมตร เตรียมประกาศข่าวดีปิดดีลบริษัทฯ ชั้นนำขนาดใหญ่ และยังมีลูกค้าในไปป์ไลน์อีกเป็นจำนวนมากที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” (ชื่อเดิม ไทคอน) รุกหนักตามกลยุทธ์ใหม่ “Smart Integrated Strategy” รองรับการขยายธุรกิจ เร่งเครื่องสร้างการเติบโตแบบเต็มสูบ เผยเทรนด์การพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit แห่งอนาคต ซึ่งจะมีความแตกต่างจากอาคารในรูปแบบเดิม ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้ผสมผสานระหว่างส่วนอุตสาหกรรม การปรับใช้เทคโนโลยี รวมถึงสร้างสรรค์พื้นที่ทำงานส่วนกลางและส่วนที่เป็นไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคใหม่ นำเสนอบริการที่ครอบคลุมและโซลูชั่นที่ทันสมัยครบวงจร ดึงจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอาคารที่มีคุณภาพสูงมาตรฐานระดับสากล และความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric Solution) เพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแบบ Built-to-Suit แห่งอนาคต พร้อมสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งเป้ารุกขยายพื้นที่ให้บริการภายในรอบปีงบประมาณ 2562 ไม่ต่ำกว่า 120,000 ตารางเมตร เผยเตรียมประกาศข่าวดี ปิดดีลบริษัทฯ ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ และยังมีลูกค้าในไปป์ไลน์จ่อเข้ามาใช้บริการอีกจำนวนมาก
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หลังจาก การเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทฯ ได้มีแนวทางในการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดอันเป็นหนึ่งเดียวกันที่ว่า ‘Experience matters’ เพื่อสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง บริษัทฯ ในฐานะผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ได้วางกลยุทธ์ “Smart Integrated Strategy” เพื่อรองรับการขยายตัวและการต่อยอดทางธุรกิจของกลุ่ม เพื่อสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มอบความพึงพอใจสูงสุดโดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric Solution) ทั้งนี้ กลยุทธ์ดังกล่าวประกอบด้วย 3 แกนหลัก ได้แก่ 1) Collaborative Network การผสานความร่วมมือระหว่างเครือข่ายอันแข็งแกร่งของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ และจากพันธมิตรทางธุรกิจ 2) Product and Service Innovation การนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ทันสมัยเต็มไปด้วยนวัตกรรม โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และ 3) Experience Creator การมุ่งสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้กับทั้งลูกค้าพนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาแนวการดำเนินงานใหม่ที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Centric Solution) ที่มุ่งเน้นตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก เพื่อนำเสนอบริการและโซลูชั่นที่ดีที่สุดในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดจนความพึงพอใจของลูกค้า
เราจึงไม่เคยหยุดที่จะปรับปรุงและพัฒนาบริการให้มีความครอบคลุมพร้อมส่งมอบโซลูชั่นที่ทันสมัยครบวงจร สอดรับกับเทรนด์ธุรกิจและอุตสาหกรรมในยุคดิจิทัล ที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันและต่อไปในอนาคต”
สำหรับการรุกตลาดโรงงานและคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการ หรือ Built-to-Suit ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย นางสาวแซลลี่ เธ่ห์ ชิว ฮาร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวเสริมว่า “หัวใจสำคัญของการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าแบบสร้างตามความต้องการหรือ Built-to-Suit คือการเข้าใจธุรกิจและกระบวนการทำงานของลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและความสามารถเชิงลึกในการช่วยส่งเสริมธุรกิจและตอบสนองความต้องการสำหรับการดำเนินธุรกิจของลูกค้า ด้วยการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมแบบสร้างตามความต้องการหรือ Built-to-Suit ขณะเดียวกันแนวการดำเนินงานของเราที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer Centric Solution) ประกอบกับความเข้าใจความคาดหวังของลูกค้าจะช่วยทำให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจพิจารณาได้อย่างทันท่วงที และยังช่วยลดขั้นตอนในการเรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานระหว่างผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์กับผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอีกด้วย พร้อมกันนี้ ด้วยบริการที่ครบวงจรครอบคลุมตั้งแต่การให้คำปรึกษา การประเมินความต้องการของลูกค้า การกำหนดแผนพัฒนาอาคารในระยาว การวิเคราะห์การเติบโตเพื่อรองรับการขยายธุรกิจของลูกค้าในอนาคต การออกแบบและดำเนินการก่อสร้าง ลูกค้าจึงมั่นใจให้บริษัทฯ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าแห่งอนาคตที่สามารถสร้างประสบการณ์อันทรงคุณค่าให้แก่ผู้ใช้อาคาร”
“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มั่นใจในก้าวที่แข็งแกร่งสำหรับการขยายธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัยพ์เพื่อการอุตสาหกรรมในปีนี้ ด้วยจุดแข็งขององค์กรที่มีธุรกิจภายใต้การบริหารงานหลากหลายแพลตฟอร์มจึงสามารถส่งมอบบริการที่ครบวงจรให้กับลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ พร้อมตั้งเป้ารุกขยายพื้นที่ให้บริการภายในรอบปีงบประมาณ 2562 ไม่ต่ำกว่า 120,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีลูกค้าที่เช่าโรงงานและคลังแบบสร้างตามความต้องการหรือ Built-to-Suit คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 500,000 ตารางเมตร โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจโลจิสติกส์ อาทิ ดีเอชแอล (DHL), สยามแม็คโคร (Siam Makro), ลินฟ้อกซ์ (Linfox), แอมเวย์ (Amway), เซ็นทรัล วัตสัน (Central Watson), ฟอร์ด (Ford), ลอรีอัล (Loreal), เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท (Central Family Mart), ไดกิ้น (Daikin) และปัจจุบัน มีลูกค้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาอีกหลายราย โดยเป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอิเล็กซ์ทรอนิกส์” นายโสภณ กล่าวปิดท้าย