เวียตเจ็ทประกาศงบการเงินปี 2018 ธุรกิจหลักทำเงินเพิ่มขึ้น 49% รายรับจากเที่ยวบินต่างประเทศพุ่งสูงกว่าในเวียดนาม

เวียตเจ็ท สายการบินยุคใหม่แห่งเวียดนามประกาศความสำเร็จจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2018 ที่ผ่านมา ด้วยจำนวนผู้โดยสารรวม 23 ล้านคน โดยให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ 66 เส้นทางซึ่งคิดเป็นเกือบ 2 ใน 3 ของเส้นทางบินทั้งหมดในเครือข่ายของเวียตเจ็ท สามารถสร้างรายรับได้มากกว่าตลาดการบินภายในประเทศเวียดนาม

โดยบริษัทเวียตเจ็ท (Vietjet Aviation Joint Stock Company – ตัวย่อหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ VJC) ประกาศงบการเงินปี 2018 หลังตรวจสอบบัญชี ระบุสามารถทำยอดทะลุเป้าที่ตั้งไว้ โดยมีรายรับรวมที่ 53,577 พันล้านดอง (ประมาณ 2,300 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) และกำไรก่อนหักภาษีที่ 5,816 ดอง (ประมาณ 250 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ)

เมื่อเริ่มเข้าตลาดหลักทรัพย์ช่วงต้นปี 2017 เวียตเจ็ทได้กำหนดแผนการเติบโตระยะ 3 ปี (2017-2019) และตั้งเป้ากำไรหลังหักภาษีรวมของปี 2017 และ 2018 ไว้ที่ 7,801 พันล้านดอง ผลปรากฏว่า เวียตเจ็ททำได้เกินกว่าเป้าหมายโดยสามารถทำกำไรหลังหักภาษีได้ 10,400 พันล้านดองในเวลา 2 ปี และมีกำไรต่อหุ้น (Earnings per share – EPS) ที่ 9,850 ดออัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 43.3% อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) อยู่ในระดับน่าดึงดูดใจที่ 11.4

เวียตเจ็ทยังสามารถรักษาอัตราการจ่ายปันผล (Ratio of Dividend Payout) ที่ 50% ต่อปี ซึ่งมีทั้งรูปแบบหุ้นปันผลและเงินปันผล ตามที่ระบุที่ไว้เมื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเนื่องจากปี 2018 มีผลการดำเนินงานเชิงบวก ทำให้เวียตเจ็ทคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้มากถึง 55%

แม้ในสภาวการณ์ที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นกว่า 30% รายรับของเวียตเจ็ทยังสูงถึง 33,779 พันล้านดอง (ประมาณ 1,460 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) และผลกำไรของสายการบินก่อนหักภาษีอยู่ที่ 3,045 พันล้านดอง (ประมาณ 130 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 50% ให้เห็นถึงความสามารถของสายการบินในการเพิ่มรายรับและการบริหารต้นทุนที่ดีเยี่ยม การเติบโตที่เข้มแข็งในปี 2018 มาจากบริการขนส่งทางอากาศซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ขณะที่รายรับจากธุรกิจเสริมสามารถสร้างผลกำไรได้สูงที่ 8,410 พันล้านดอง (ประมาณ 362 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 53.5% จากปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนรายรับรวมในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นจาก 24.5% ในปี 2017 เป็น 25.4% ในปี 2018

นอกจากนี้ ยังปรากฏตัวชี้วัดทางการเงินในเชิงบวกอีกมากมาย

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2018 ทรัพย์สินรวมมีมูลค่าอยู่ที่ 39,086 พันล้านดอง (ประมาณ 1,685 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 23.5% จากปีที่ผ่านมา ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 14,038 พันล้านดอง เพิ่มขึ้น 32.5% จากปีที่ผ่านมา

Cash Balance ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2018 อยู่ที่ 7,165 พันล้านดอง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) ลดลงอยู่ที่ 1.78 ในปี 2018 จาก 1.99 ในปี 2017 เช่นเดียวกัอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Debt per Equity Ratio) ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีมาก โดยลดลงไปอยู่ที่ 0.39 ในปี 2018 จาก 0.71 ในปี 2017

เวียตเจ็ทยังเป็นผู้นำในตลาดการบินในประเทศเวียดนามทั้งในด้านจำนวนผู้โดยสารและเส้นทางการบินที่ขยายอย่างรวดเร็ว โดยทำการบินทั้งหมด 118,923 เที่ยวบิน 105 เส้นทาง ในปี 2018 โดยเป็นเส้นทางภายในประเทศเวียดนาม 39 เส้นทาง และ เส้นทางต่างประเทศ 66 เส้นทาง ครอบคลุมจุดหมายปลายทางในประเทศต่างๆ ทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน ไทย เมียนมาร์ มาเลเซีย กัมพูชา และจีน รวมถึงให้บริการการบินที่ท่าอากาศยานดูไบและโดฮาอีกด้วย กลยุทธ์การขยายเครือข่ายการบินในต่างประเทศของเวียตเจ็ทช่วยสร้างรายรับในสกุลเงินต่างประเทศผ่านการจำหน่ายบัตรโดยสาร และทำให้ได้ประโยชน์จากอัตราค่าน้ำมันที่ต่ำกว่า โดยอัตราส่วนรายรับจากต่างประเทศคิดแป็น 48% ของรายรับรวมทั้งหมด

สายการบินมีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารสูงกว่า 88.06% ความน่าเชื่อถือด้านเทคนิคที่ 99.64% และความตรงเวลาของเที่ยวบิน (On-time Performance : OTP) ที่ 84.2%

ในปี 2018 เวียตเจ็ทได้รับมอบและเริ่มใช้งานเครื่องบิน A321neo รุ่นใหม่ ซึ่งช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงถึง 16% และคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานของเวียตเจ็ทในปีต่อ ๆ ไป โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2018 สายการบินเวียตเจ็ทมีฝูงบินที่มีอายุเฉลี่ยต่ำที่สุดในโลกเพียง 2.82 ปี

สายการบินเวียตเจ็ทยังได้การรับรองการตรวจสอบความปลอดภัยด้านการปฏิบัติการบินจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IOSA International Air Safety) ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 เมื่อเดือนกันยายน 2018 ดัชนีความปลอดภัยการดำเนินงานของเวียตเจ็ทยังติดอันดับกลุ่มสายการบินชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก และในปีเดียวกันยังได้รับการจัดอันดับด้านความปลอดภัยระดับ 7 ดาวจากเว็บไซต์ AirlineRatings.com

ด้วยการลงทุนเพื่อการพัฒนาสายการบินอย่างยั่งยืน ในปี 2018 ที่ผ่านมา เวียตเจ็ทได้สร้างสถาบันการบินแล้วเสร็จ พร้อมติดตั้งเครื่องจำลองการบิน (Flight Simulator Complex : SIM) ซึ่งเกิดจากการร่วมมือกับบริษัทแอร์บัสและได้รับการรับรองคุณภาพโดยองค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency : EASA) เวียตเจ็ทได้จัดพิธีเปิดสถาบันการบินแห่งนี้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2018 ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีแห่งฝรั่งเศสเดินทางมาเยือนประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการสิ้นปี 2018 เครื่องจำลองการบินได้ใช้ฝึกอบรมแล้วราว 1,000 ชั่วโมง สถาบันได้จัดการอบรมมากถึง 924 คอร์สให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม 21,611 ราย ซึ่งรวมถึงการฝึกอบรมนักบิ 157 คอร์ส การฝึกอบรมลูกเรือ 127 คอร์ส และการฝึกอบรมวิศวกร 128 คอร์ส

นอกจากนี้ ในปี 2018 เวียตเจ็ทยังได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ อาทิ Labor Medal, Vietnam’s Top 50 Listed Companies, Top 40 Most Valuable Brands of Forbes Magazine, Top 50 Airlines for Healthy Financing and Operations of AirFinance Journal, Top 50 Largest Taxpayers in Vietnam, 50 Best Performing Companies, Top 100 Best Working Places in Vietnam, Asian Best Flight Attendant Wardrobe และอีกมากมาย

การพัฒนาที่ต่อเนื่องและยั่งยืนของเวียตเจ็ทในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงผลการดำเนินงานที่สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ ยังช่วยเพิ่มมูลค่าและมอบความคุ้มค่าแก่นักลงทุน ตลอดจนส่งเสริมภารกิจของสายการบินในการมอบโอกาสการเดินทางแก่ผู้โดยสารทุกคน และมุ่งสู่การเป็นสายการบินชั้นนำระดับภูมิภาคและระดับโลก