“ออลล์ อินสไปร์” กำหนดราคา IPO ที่ 4.90 บาทต่อหุ้น พร้อมลงนามแต่งตั้ง บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และ บล.คันทรี กรุ๊ป บล.เคจีไอ บล.อาร์เอชบี เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ จ่อเสนอขาย วันที่ 26 เมษายน พร้อมเทรด mai วันที่ 8 พฤษภาคมนี้ ด้าน CEO ALL “ธนากร ธนวริทธิ์” ประกาศ ชู จุดแข็งการเป็นผู้ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร Total Real Estate Solutions พร้อมตั้งเป้าขึ้นแท่นเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ
วันที่ 23 เมษายน 2562 บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) พร้อมทั้ง แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) เปิดเผยว่า การกำหนดราคา IPO ของ ALL ที่ระดับราคา 4.90บาท/หุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจและโอกาสการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต เนื่องจาก ALL มีความโดดเด่นในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพในพื้นที่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะแนวระบบขนส่งมวลชนหลักของกรุงเทพฯ เช่น BTSและ MRT ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการอยู่อาศัยได้อย่างแท้จริง จึงทำให้ทุกโครงการของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดี ยอดขายมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ ALL ที่พึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2556 สามารถเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ โดยใช้เวลาเพียง 6 ปี ทั้งนี้ มั่นใจว่าหุ้น ALL จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุน
สำหรับราคาดังกล่าว ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งมีระดับ P/E ประมาณ 8.03 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากกำไรสุทธิตามงบการเงินปี 2561 ของบริษัทฯ ซึ่งเท่ากับ 343.41 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully diluted) ซึ่งเท่ากับ 560 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น เท่ากับ 0.61บาท โดยเมื่อเทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทในตลาด เอ็ม เอ ไอ มีระดับ P/E เฉลี่ยประมาณ 10.70 เท่า โดยบริษัทฯ เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 26 เมษายน และ คาดว่าหุ้น ALLจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้
ทั้งนี้ ALL เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 26.79% ของจำนวนหุ้นหลัง IPO ซึ่งปัจจุบัน ALL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 560 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและชำระเต็มมูลค่าแล้วจำนวน 410 ล้านบาท หรือคิดเป็น 410 ล้านหุ้น โดยมีวัตถุประสงค์ระดมทุน เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทโดยเฉพาะการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายพื้นที่ที่มีศักยภาพเป็นหลัก รวมถึงเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานในอนาคต
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเพิ่มเติมว่า บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มีความโดดเด่นในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ซึ่งการันตีได้จากยอดขายที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งด้านสถานะทางการเงิน จะเห็นได้จากผลการดำเนินงาน ในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559 – 2561 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม จำนวน 420 ล้านบาท, 714 ล้านบาท และ 2,343 ล้านบาท ตามลำดับ และในช่วงเวลาเดียวกันกลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 11 ล้านบาท, 81 ล้านบาท และ 343 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งจากอัตราการเติบโตของบริษัทฯ แสดงถึงสถานะทางการเงินและการเติบโตของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ของบริษัทฯ มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากร้อยละ 2.72 ในปี 2559 เป็นร้อยละ 54.50ในปี 2561 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัท และจากศักยภาพของธุรกิจ ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศในอนาคต
ด้าน นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในการตั้งเป้าสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ ติดอันดับ 1 ใน 10 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ถือหุ้น คู่ค้า พนักงาน เป็นต้น โดยการเข้าระดมทุนในครั้งนี้ เชื่อว่าจะทำให้ “ALL”สามารถสยายปีกในการต่อยอดธุรกิจและจะทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากตลาดเงินและตลาดทุนสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ในอนาคต ตามนโยบายของ “ALL” ที่จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน และจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้มากขึ้น พร้อมทั้งจะมุ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม จากศักยภาพความแข็งแกร่ง รวมถึงจุดแข็งเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้วันนี้ “ALL” สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้พักอาศัยครบในทุกมิติ ด้วยความแตกต่างอย่างมีสไตล์ ภายใต้แนวคิด Class of Living “ชีวิตที่มีระดับ คือชีวิตที่คุณเลือกเอง” ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า “ALL” ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ประกอบการที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของ ALL ในการเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงคร จนทำให้ในทุกๆ ทำเล แต่ละโครงการในปัจจุบัน ประสบความสำเร็จ