ชื่อใหม่ มาดใหม่

หลังยึดไทยเป็นอู่ข้าวอู่น้ำสำคัญในการทำตลาดมานาน แบรนด์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่ทำธุรกิจกระจายสินค้าแบบคลุกวงในคนเอเชียเป็นร้อยปีอย่าง DKSH ก็ได้ฤกษ์เปลี่ยนชื่อบริษัทลูกในไทยจาก “บริษัทดีทแฮล์ม จำกัด” มาเป็น “บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด” ตามคอนเซ็ปต์แคมเปญ “1 บริษัท 1 ชื่อ 1 จุดขาย” เพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกับบริษัทแม่ทั้งชื่อบริษัทและกลยุทธ์ที่ใช้นับจากวันนี้ไป

ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น DKSH ดีทแฮล์มในไทยต้องฟิตเตรียมความพร้อมนานกว่า 3 ปี ทั้งปรับโครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน การเพิ่มจำนวนคลังสินค้า และพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์องค์กร ด้วยเงินลงทุนมหาศาลรวม 4 พันล้านบาท ตั้งใจให้ไทยเป็น Hub หรือศูนย์กลางเครือข่ายกระจายสินค้าและบริการ พร้อมเพิ่มบริการโซลูชั่นขยายตลาดให้ซัพพลายเออร์บุกได้ทั้งตลาดไทยและเทศ จากเดิมที่เป็นเพียงดิสทริบิวเตอร์ให้เท่านั้น

“เดิมเราทำแค่เทรดดิ้ง คือซื้อมาและขายไปหรือเป็นแค่ตัวกลาง แต่หลังจากปรับโครงสร้าง เราจะขยายตลาด การเป็นที่ปรึกษาและร่วมสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าด้วย ลูกค้าไทยก็สามารถส่งออกได้มากขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าต่างชาติก็ขายสินค้าในไทยได้มากขึ้นเช่นกัน” สมบูรณ์ ประสิทธิ์จูตระกูล ประธานอำนวยการบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด อธิบาย

ไทยจะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งทำรายได้ให้ DKSH กว่า 40% ของตลาดทั้งหมดและเป็น Benchmark ให้ DKSH อีกหลายสาขา และเพื่อรองรับกับนโยบายในการเพิ่มประเภทลูกค้า จึงต้องทุ่มงบก้อนโตนับพันล้านเพื่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าอาหารแช่เย็นและแช่แข็ง และปรับปรุงเทคโนโลยีลอจิสติกส์ รองรับกับการเพิ่มดิสทริบิวเตอร์อีก 30 จุดในต่างจังหวัด จากเดิมที่มีแค่ส่วนกลางเท่านั้น เพื่อให้ส่งสินค้าได้มากประเภทและรวดเร็วมากขึ้น

การขยับครั้งนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อรองรับกับรุกทำตลาด SMEs โดยตั้งเป้าไว้ว่าไม่เกิน 2 ปี เจาะตลาดให้ได้ 250,000 ร้านค้า (ปัจจุบัน 90,000 ร้านค้า) โดยสัดส่วนลูกค้า SMEs ปัจจุบันอยู่ที่ 25-30% ของลูกค้าทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือการส่งออกแบรนด์ เถ้าแก่น้อยไปในต่างประเทศ

แนวทางการสร้าง Value Added ให้กับธุรกิจ เป็นไปตามเป้าหมายที่อยากมีภาพลักษณ์เป็นเพื่อนคู่คิดหรือการเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้าที่ต้องการประสบการณ์

ดีทแฮล์มใช้จังหวะเดียวกับงานลดราคาประจำปีของแบรนด์ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดตัวชื่อบริษัทใหม่ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคู่ค้า ผู้ประกอบการ ประชาชนทั่วไป และกลุ่ม Young โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา ผ่านพรินต์แอดและสิ่งพิมพ์ โดยมองว่าสื่อนี้ยังมีประสิทธิภาพสูงหากยังหวังผลการรับรู้ในวงกว้างอยู่

ปัจจุบัน DKSH ประเทศไทยมีรายได้หลักจากหน่วยธุรกิจ 4 กลุ่ม นั่นคือสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าสุขภาพ สินค้าเทคโนโลยี รวมทั้งวัตถุดิบในอุตสาหกรรม ลูกค้าสำคัญคือซัพพลายเออร์กว่า 380 บริษัททั่วโลก ในการหาวัตถุดิบ เป็นที่ปรึกษาการทำตลาดและสร้างแบรนด์ การกระจายสินค้าและลอจิสติกส์ โดยมีการเติบโตของรายได้ 3.7% จากปีที่แล้ว

Positioning ธุรกิจที่ให้บริการด้านการขยายตลาด
Target เจ้าของสินค้าในประเทศและต่างประเทศ รวมถึง SMEs
Market Strategy Brand Loyalty, Brand Awareness, Re-positioning
Market Analysis ความมั่นใจในการจับจ่ายของคนไทยกลับมาดีขึ้นและคาดว่าจะดีกว่าปีที่แล้ว, การคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดค้าปลีกในปีนี้จะเติบโตขึ้น 6% รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของร้านสะดวกซื้อที่ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายและมีปริมาณการซื้อเพิ่มขึ้น

สัดส่วนรายรับของ DKSH โดยประมาณ แบ่งตามกลุ่มหมวดสินค้าของธุรกิจ

DKSH ประเทศไทย
สินค้าอุปโภคบริ โภค 40.00%
สินค้าสุขภาพ 40.00%
เทคโนโลยี วัตถุดิบอุตสาหกรรม 20%

DKSH จำกัด
นค้าอุปโภคบริ โภค 45.00%
สินค้าสุขภาพ 35.00%
เทคโนโลยี วัตถุดิบอุตสาหกรรม 20%

Did you know?
โลโก้ของ DKSH คือต้นกล้วยพัด ด้วยความเป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่ง อายุยืน มักลู่ลมไม่โค่นง่าย กิ่งใบแผ่เป็นวงกลม เหมือนโอบอุ้มกิจการของผู้ถือหุ้นไว้ด้วยกัน สีแดงของโลโก้หมายถึงสวิสเซอร์แลนด์บ้านเกิดผู้บุกเบิก จดทะเบียนเป็นโลโก้ดีทแฮล์มที่ไซ่ง่อนและไฮฟองมาแล้วเมื่อศตวรรษ ที่19 และใช้ในไทยเมื่อศตวรรษที่ 20