พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชี้อสังหาฯแนวราบยังมีแรงส่งดี ไม่หวั่น LTV ครึ่งหลังปี 61 ยอดขายบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ เติบโตสูงขึ้น

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยภาพรวมอสังหาริมทรัพย์แนวราบจากช่วงครึ่งหลังปี 2561 มีสัญญาณตอบรับที่ดี อุปสงค์-อุปทานเติบโตทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ยอดขายเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า สำหรับตลาดบ้านเดี่ยวพบอุปทานรวมเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อุปสงค์เพิ่มขึ้น 46% คิดเป็นยอดขายได้ถึง 44% ส่วนตลาดทาวน์เฮาส์พบอุปทานโต 21% อุปสงค์โต 26% หรือคิดเป็นยอดขาย 47% โดยบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ในโซนชานเมืองที่มีระบบคมนาคมเชื่อมต่อเข้าเมืองได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนทิศทางอสังหาฯปี 2562 แม้ธปท.จะบังคับใช้เกณฑ์ LTV แล้ว แต่คาดยังมีแรงส่งจากการกระตุ้นตลาดของผู้ประกอบการและมีดีมานด์การอยู่อาศัยที่แท้จริง ส่งผลให้ตลาดแนวราบยังมีการเติบโตใกล้เคียงปี 2561

นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า จากการสำรวจโดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ตลาดแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ อุปสงค์และอุปทานเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยตลาดบ้านเดี่ยวมีอุปทานเสนอขายเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีอุปทานรวมอยู่ที่ราว 17,400 ยูนิต ในจำนวนนี้มีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าหรือประมาณ7,300 ยูนิต โดยมีโครงการเก่าที่ขยายเฟสก่อสร้าง และมีอุปทานของโครงการใหม่ที่เปิดขายโดยเกิดจากการที่ผู้ประกอบการต้องการกระตุ้นลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อก่อนการบังคับใช้เกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan-to-Value: LTV ในเดือนเมษายน 2562 โดยมีอุปสงค์ให้การตอบรับไปแล้วราว 7,700 ยูนิต หรือคิดเป็นยอดขาย 44% โดยอุปสงค์รวมในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 44% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 ซึ่งระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท ยังคงเป็นกลุ่มหลักของตลาดนี้และทำยอดขายได้ดีในแถบชานเมืองและปริมณฑล เนื่องจากการพัฒนาโครงการในระดับราคานี้เริ่มขยายออกไปยังบริเวณดังกล่าวมากขึ้นประกอบกับมีการพัฒนาระบบคมนาคมในโซนนั้น เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ การพัฒนาถนน ทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองได้ไม่ยาก

ส่วนตลาดทาวน์เฮาส์มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ที่ผ่านมาตลาดทาวน์เฮาส์ขยายตัวอย่างต่อเนื่องพบอุปทานเสนอขายเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 21% มาอยู่ที่ประมาณ 36,200 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท สำหรับอุปทานใหม่ในตลาดทาวน์เฮาส์ช่วงครึ่งปีหลัง 2561 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 24% หรือคิดเป็น 16,000 ยูนิต โดยอุปสงค์ให้การตอบรับไปแล้วประมาณ 17,200 ยูนิต หรือคิดเป็นอัตราขายได้ 47% ซึ่งอุปสงค์รวมในช่วงครึ่งปีหลัง 2561 เพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนและ 66% จากช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561  อย่างไรก็ดีทาวน์เฮาส์าคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ยังเป็นสินค้าหลักในตลาดที่อุปสงค์ให้การตอบรับดี ในขณะที่ช่วงราคา 3 – 5 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตสูงถึง 39% จากปีก่อน โดยมียอดขายเกิดขึ้นไปแล้วประมาณ50% ทั้งนี้ตลาดทาวน์เฮาส์เติบโตได้ดีในเขตชานเมืองที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้โดยง่าย และยังได้เปรียบคอนโดมิเนียมที่อยู่ทำเลเดียวกันในด้านพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าในระดับราคาใกล้เคียงกัน

“ช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า โดยมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนมาตรการ LTV  อย่างไรก็ตามมองว่าการบังคับใช้ LTV ไม่น่ากระทบต่อตลาดแนวราบมากนัก เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เป็นสินค้าที่มีความต้องการอยู่อาศัยจริง โดยคาดการณ์ว่าทิศทางที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2562 จะยังได้รับแรงส่งที่ดีจากความต้องการของผู้บริโภคในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองก็น่าจะมีแคมเปญออกมากระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่องเพื่อจูงใจผู้ซื้อ จึงคาดว่าตลาดแนวราบจะเติบโตใกล้เคียงกับปี 2561”