“แสนสิริ” พลิกโฉมวงการอสังหาฯและดีไซน์ไทย ดึงอินไซต์ลูกค้าซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ปั้นกลยุทธ์ “Sansiri Luxury Collection” ก้าวสู่ “Global Luxury Brand” เต็มรูปแบบ

“แสนสิริ” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ระดับแถวหน้าของไทยลิกโฉมวงการอสังหาริมทรัพย์และวงการออกแบบตกแต่งไทย รุกปั้นกลยุทธ์พอร์ตโฟลิโอใหม่ “Sansiri Luxury Collection” (แสนสิริ ลักซ์ชัวรี่ คอลเล็กชั่น) การรวบรวมโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่และแฟล็กชิพซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ควรค่าและหายากแก่การครอบครอง จากการลงทุนในของรักของสะสมอันมาจากความรักและความหลงใหลที่สร้างมูลค่าเหนือกาลเวลาอย่างไม่สิ้นสุด รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้นกว่า 22,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับสู่การเป็นแบรนด์อสังหาฯ ลักซ์ชัวรี่ชั้นนำในตลาดต่างประเทศ (Global Luxury Brand) และตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดอสังหาฯในไทย มั่นใจคุณภาพทัดเทียมมหานครชั้นนำทั่วโลกในทุกด้าน พร้อมวางวิสัยทัศน์เทรนด์เซ็ตเตอร์ด้านดีไซน์และการออกแบบตกแต่งในวงการอสังหาฯไทย จับมือ 5 International Design Talents สุดยอดดีไซเนอร์นักตกแต่งและอินทีเรียดีไซเนอร์ระดับโลกที่หาตัวจับยากกับสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เข้าใจและเชี่ยวชาญด้านรสนิยมระดับสูงอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ แอนทีคที่ทรงคุณค่าและหายาก ซึ่งดีไซเนอร์เหล่านี้ได้เคยรังสรรค์ไพรเวทเรสซิเดนท์ให้กับเหล่าคนดังและแฟล็กชิพแบรนด์แฟชั่นระดับโลกมากมาย มาร่วมตกแต่งคอลเล็กชั่นยูนิตพิเศษครั้งแรกในไทย พร้อมเตรียมเผยโฉมไตรมาส 3 นี้ ตั้งเป้ายอดขายพอร์ต Sansiri Luxury Collection   4,500 ล้านบาท ภายในปี 2562

จากรายงานของ The Wealth Report โดย Knight Frank ประจำปี 2019 เผยว่าเนื่องด้วยจำนวนของอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่พัฒนาขึ้นในจำนวนจำกัดและหายาก ในยุคปัจจุบัน ทำให้กลุ่มบุคคลที่มีสินทรัพย์ในระดับสูงทั่วโลก (UHNW) วางแผนลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่มากขึ้น เปรียบเสมือนลงทุนในของรักของสะสมที่มาจากความรักและความหลงใหลที่สร้างมูลค่าเหนือกาลเวลา ด้วยมูลค่าการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัวทั่วโลกถึง 289,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ในปี 2561 สำหรับในประเทศไทย จากรายงานของพลัส พร็อพเพอร์ตี้พบว่า มูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ปี 2555-2561 มีการเติบโตค่าเฉลี่ยปีละ 7% โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯระดับลักซ์ชัวรี่มียอดการตอบรับเฉลี่ยจากปี 2557-2561 เฉลี่ยสูงถึง 70% และอุปสงค์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกว่า 31% ของโครงการลักซ์ชัวรี่ทั้งหมดในตลาดสามารถขายหมดได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ขณะที่โครงการทั่วไปจาก 417 โครงการจะมีเพียง 20% เท่านั้นที่สามารถขายหมดได้เร็วกว่า 1 ปี อสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มลักซ์ชัวรี่ยังให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยสูงถึง 7-10% โดยเฉพาะโซนสุขุมวิทชั้นในจนถึงทองหล่อมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนระดับสูงที่ราว 9.5%

อู้ พหลโยธิน ประธานผู้บริหารฝ่ายสร้างสรรค์ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริมองเห็นถึงศักยภาพจากปัจจัยส่งเสริมหลาย ๆ ด้านที่มีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ จึงเปิดตัว Sansiri Luxury Collection เพื่อยกระดับแบรนด์สู่การเป็น “Global Luxury Brand” ขยายภาพลักษณ์แบรนด์ระดับลักซ์ชัวรี่ในตลาดต่างประเทศ และพลิกโฉมใหม่ของวงการอสังหาฯและวงการออกแบบตกแต่งในฐานะผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ซึ่งคอลเล็กชั่นที่ควรค่าหายากแก่การครอบครองเหล่านี้ เกิดจากการลงทุนในของรักของสะสมอันมาจากความรักและความหลงใหลที่สร้างมูลค่าเหนือกาลเวลาอย่างไม่สิ้นสุด ประกอบด้วย 4 โครงการที่ได้รับการยอมรับทั้งในเมืองไทยและระดับโลก ได้แก่ แฟล็กชิพคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) แฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ Baan Sansiri Pattanakarn (บ้านแสนสิริ พัฒนาการ) และคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ THE MONUMENT Thong Lo (เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ)KHUN by YOO Inspired by Starck (คุณ บาย ยู อินสไปร์ บาย สตาร์ค) จากแนวคิดภายใต้ 4 ปรัชญา คือ World-Class / Iconic Design งานดีไซน์ระดับเวิลด์คลาสหรือระดับไอคอนิก, Finest Materials วัสดุในการสรรค์สร้างโครงการอันทรงคุณค่าเหนือกาลเวลา, Craftsmanship ความประณีตบรรจงดั่งงานศิลป์ในทุกรายละเอียด และ Curated Services การยกระดับบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ โดยพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มลูกค้าลักซ์ชัวรี่ อันถือเป็นปัจจัยในการสร้างความสำเร็จให้กับแสนสิริตลอด 35 ปี อาทิ ความโดดเด่นของทำเลที่ตั้ง จากการได้ครอบครองที่ดินอันทรงคุณค่าและหายาก เพื่อพัฒนาโครงการที่เหมาะสมที่สุดความเชื่อมั่นในแบรนด์ การตอบรับที่ดีเยี่ยมจากฐานลูกค้าเดิมเป็นอันดับแรกๆ รวมถึงความเอาใจใส่และการดูแลคุณภาพด้วยตนเองของผู้บริหารระดับสูงในทุกขั้นตอน ยิ่งทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้ แสนสิริ ยังให้ความสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มในการอยู่อาศัย ผ่านประสบการณ์ที่สามารถสะท้อนความภาคภูมิใจ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความโดดเด่นของดีไซน์ในระดับเวิลด์คลาส โดยร่วมมือกับดีไซเนอร์ระดับโลกมารังสรรค์ภายในโครงการ เช่น โครงการที่ผ่านมาอย่าง 98 Wireless”

สำหรับด้านแผนกลยุทธ์ Sansiri Luxury Collection ในปี 2562 คุณอู้ เผยว่า “จากความเข้าใจถึงพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีแนวโน้มแสวงหาการลงทุนในของรักของสะสมอันมาจากความรักและความหลงใหลที่สร้างมูลค่าเหนือกาลเวลา ได้เป็นปัจจัยในการพัฒนากลยุทธ์การสร้าง Brand Differentiation                     ด้วยการยกระดับมาตรฐานเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ประกอบด้วย Emotional Story Selling พัฒนาขึ้นจากวิธีการขายสินค้าลักซ์ชัวรี่แฟชั่นแบรนด์ระดับโลกซึ่งจะนำเสนอเรื่องราวของวัสดุ กรรมวิธีการผลิต และประวัติความเป็นมาที่ยาวนานของแบรนด์ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าทางจิตใจแก่ผู้ที่ครอบครอง รวมถึงสร้างประสบการณ์การขายเพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเข้าชมโครงการ เราศึกษาความชื่นชอบของลูกค้าแต่ละท่าน และทำการ Customize วิธีการขายและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ ยังร่วมกับ International Design Talents สร้างสุนทรียะประสบการณ์แห่งการอยู่อาศัยที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพื่อพลิกโฉมเทรนด์ด้านดีไซน์และตกแต่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย สุดยอดดีไซเนอร์นักตกแต่งและอินทีเรีย ดีไซเนอร์ระดับโลกที่หาตัวจับยากทั้ง5 ท่าน ที่ล้วนมีสไตล์การตกแต่งเฉพาะตัว ความเข้าใจและเชี่ยวชาญด้านรสนิยมระดับสูงอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการคัดสรรเฟอร์นิเจอร์แอนทีคที่สร้างคุณค่าทางจิตใจและหายาก ซึ่งแสนสิริถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่เหล่านี้ โดยเฉพาะดีไซน์ในแบบMaximalist ที่โดดเด่นด้วยไอเท็มและสีสันที่เต็มไปด้วยรายละเอียดในการตกแต่ง ที่ได้รับกล่าวถึงจากสื่อชั้นนำของโลกอย่าง Financial Timesและ VOGUE ว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของการดีไซน์ตกแต่งที่น่าจับตามองที่สุดเทรนด์หนึ่งของโลก”

สำหรับความร่วมมือกับ International Design Talents ซึ่งล้วนแล้วได้เคยฝากผลงานในการออกแบบโรงแรมและไพรเวทเรสซิเดนท์ดังทั่วโลกมากมาย มาร่วมรังสรรค์ผลงานมาสเตอร์พีซอันทรงคุณค่าระดับเวิลด์คลาสแบบ     เอ็กซ์คลูซีฟในคอลเล็กชั่นยูนิตพิเศษของโครงการภายใต้Sansiri Luxury Collection ได้แก่

  • Gert Voorjans (เกิร์ท วอร์จานส์) ดีไซเนอร์นักตกแต่งจาก Antwerp ประเทศเบลเยียม ที่เคยออกแบบหน้าร้านให้กับแฟล็กชิปสโตร์แบรนด์ไฮเอนด์แฟชั่นระดับโลก Dries Van Noten ในสไตล์การตกแต่งแบบ “Eclectic” (อิเคลคทิค) โดยจะมาออกแบบห้องชุดยูนิตพิเศษในโครงการ THE MONUMENT Thong Lo
  • Lorenzo Castillo (โลเรนโซ คาสติลโญ) ดีไซเนอร์นักตกแต่งชาวสเปนกับการตกแต่งสไตล์ Classic with Modern Spirit ที่สร้างสรรค์ผลงานมากมายทั่วโลกรวมถึงการตกแต่งร้านให้กับแบรนด์แฟชั่นไฮเอนด์ระดับโลก LOEWE ที่สเปน เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง ซึ่งจะมาร่วมตกแต่งภายในห้องชุดและเพนท์เฮ้าส์ในโครงการ THE MONUMENT Thong Lo
  • Hutton Wilkinson (ฮัตตัน วิลคินสัน) ดีไซเนอร์นักตกแต่งชาวอเมริกันกับสไตล์การตกแต่งที่ผสมผสานแอนทีคเฟอร์นิเจอร์เข้ากับสีสันและลวดลายที่ฉูดฉาด รวมถึงพรสวรรค์ในการออกแบบจิวเวลรี่ โดยฮัตตันจะมาร่วมตกแต่งภายในห้องชุดและเพนท์เฮ้าส์ที่โครงการ THE MONUMENT Thong Lo
  • Mary Fox Linton (แมรี่ ฟอกซ์ ลินตัน) นักออกแบบและตกแต่งชื่อดังชาวอังกฤษที่โดดเด่นด้วยสไตล์การออกแบบที่เรียบหรู Modern Contemporary โดยไม่ทิ้งกลิ่นอายความงดงามตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษ ซึ่งจะมาตกแต่งบ้านที่โครงการบ้านแสนสิริ
  • และสุดท้าย Philippe Starck (ฟิลิปป์ สตาร์ค) ดีไซเนอร์และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ชาวฝรั่งเศสผู้สร้างชื่อในแวดวงการออกแบบผลิตภัณฑ์การตกแต่งภายใน และความร่วมมือล่าสุดกับแสนสิริและ YOO Design Studio พัฒนาคอนโดมิเนียม KHUN by YOO inspired by Starck ซึ่งถือเป็นโครงการที่อยู่อาศัยแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยที่สตาร์คร่วมงานด้วย ที่เสร็จสมบูรณ์พร้อมเข้าอยู่ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ปัจจุบัน แสนสิริ มีพอร์ตโฟลิโอโครงการภายใต้ Sansiri Luxury Collection ซึ่งประกอบด้วยอสังหาริมทรัพย์เซกเมนต์ S และ A ทั้งหมด 4โครงการรวมมูลค่ากว่า 22,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่แสนสิริจะนำมาใช้ในการสร้างเอกลักษณ์และการจดจำเกี่ยวกับคุณภาพของแบรนด์ให้กับกลุ่มลูกค้าในระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติและรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยคาดว่าความสำเร็จจากกลยุทธ์ Sansiri Luxury Collection จะช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการขายในเซกเมนต์ S และ A ด้วยมูลค่ารวมกว่า 4,500 ล้านบาท ในปี 2562 ได้อย่างแน่นอน