“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” โชว์ฟอร์มเยี่ยม ปิดครึ่งปีแรกรายได้โต 85% จากปีที่แล้ว พร้อมผลการดำเนินงานที่โดดเด่นทะลุเป้า

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” (ชื่อเดิม “ไทคอน”) ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ประกาศผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 – 31 มีนาคม 2562 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,143 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,440 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นร้อยละ 85 และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 275 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2562 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 565 ล้านบาท กำไรสุทธิ 80 ล้านบาท สะท้อนผลประกอบการอันแข็งแกร่ง โดยรายได้หลักในไตรมาสนี้มาจากค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้ารวมกว่า 401 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 380 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผย “ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทฯ มีผลการดำเนินการที่ดีอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีพื้นที่ให้เช่ากว่า 2.17 ล้านตารางเมตร ส่งผลให้ปัจจุบัน FPT มีอัตราพื้นที่เช่าโรงงานและคลังสินค้า (Occupancy Rate) อยู่ที่ร้อยละ 79 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าในกลุ่มโลจิสติกส์ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรวมกันสูงกว่าร้อยละ 70 ของภาพรวมผู้เช่าทั้งหมด โดยลูกค้าสัญชาติญี่ปุ่นยังคงเป็นฐานใหญ่ในกลุ่มผู้เช่าโรงงาน ขณะที่ในกลุ่มคลังสินค้านั้นมีผู้เช่าจากญี่ปุ่น และทางยุโรป อาทิ เยอรมัน ฝรั่งเศส ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้พบว่ากลุ่มลูกค้าชาวจีนได้ให้ความสนใจเข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก ส่วนในแง่ของพื้นที่เช่าพบว่าโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ ครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ระยอง และแหลมฉบัง มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับปรุงการทำงานของบริษัทที่ผ่านมา การให้ความสำคัญ และการทำงานร่วมกับลูกค้า รวมถึงการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กรใหม่ ส่งผลให้บริษัทมีผลงานที่ดีขึ้น”

โดยครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2562 บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าบริษัทชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ โลจิสติกส์ (BJC) เพาเวอร์บาย (Power Buy) ล่าสุดสามารถปิดดีล Built-to-Suit พัฒนาศูนย์กระจายสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิขนาดใหญ่แห่งใหม่ให้แก่ ฮาวี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) ผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์และจัดการซัพพลายเชนระดับโลก เพื่อรองรับการจัดเก็บสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิ นอกจากนี้ยังมีลูกค้าจ่อปิดดีลอีกเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจสิ่งทอและเสื้อผ้า ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติก (Plastic injection) และธุรกิจเทรดดิ้ง เป็นต้น

บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจผ่านการผนึกพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ โดยเริ่มต้นปีด้วยการจับมือกับ บริษัท สหไทย เทอร์มินอล เพื่อร่วมลงทุนพัฒนาและบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์คแห่งใหม่ บนพื้นที่ไม่ไกลจากศูนย์กลางย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ ต่อด้วยการพาร์ทเนอร์กับบริษัท พีบีเอ กรุ๊ป (PBA Group) เพื่อมอบโซลูชั่นด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Robotics and Automation) สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ให้แก่ลูกค้า และล่าสุดได้ร่วมลงทุนกับพันธมิตรผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก มิตซุย ฟูโดะซัน (Mitsui Fudosan) เพื่อพัฒนาและบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์ค บนพื้นที่ย่านบางปะกงและวังน้อยเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตและความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวตามเป้าหมายในการเป็นผู้นำทางด้าน Smart Integrated Platform เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่าน บริษัทฯได้มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer) ของบริษัทแผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โกลเด้นแลนด์” โดยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการดังกล่าว และลำดับต่อไปจะเป็นขั้นตอนของการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม ถึง เดือนสิงหาคม 2562 การดำเนินการดังกล่าวจะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการเติบโตทางธุรกิจของ FPT

“บริษัทฯ มั่นใจว่าการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นไปอย่างดีเยี่ยม เกินเป้าหมายที่วางไว้ และบริษัทฯ กำลังพิจารณาปรับเป้าใหม่ให้สอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงการปรับปรุงแผนธุรกิจให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรม การเติบโตสร้างศักยภาพทางธุรกิจร่วมกันของพันธมิตรต่างๆ ที่เกิดขึ้น และการปรับปรุงในมิติขององค์กร บุคลากร และการทำงาน รวมถึงการพัฒนางานทางด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม เฟรเซอร์ส
พร็อพเพอร์ตี้ อย่างเต็มตัวเมื่อต้นปีนี้ ทั้งนี้เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร” นายโสภณกล่าวทิ้งท้าย

เกี่ยวกับ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักในชื่อเดิมว่า ไทคอน ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชื่อย่อสัญลักษณ์การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ “FPT” ปัจจุบันเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มี 4 ธุรกิจภายใต้การดำเนินงานดังนี้ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม (Industrial Property) ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ (Data Centre) ธุรกิจสมาร์ทโซลูชั่น (Smart Solutions) และธุรกิจการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรม (Township) นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ และเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจในฐานะผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภท

ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู www.frasersproperty.co.th

เกี่ยวกับบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด (“เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้” หรือ “กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้”) เป็นบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ (SGX-ST) ซึ่งมีแนวทางการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการเป็นผู้พัฒนา เจ้าของ และผู้บริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทแบบครบวงจร โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 33.2 พันล้านสิงคโปร์ดอลลาร์ (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562)สินทรัพย์ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประกอบด้วย ที่อยู่อาศัย ศูนย์การค้าอาคารพาณิชย์ และบิสซิเนส พาร์ค รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ทางด้านโลจิสติกส์และอุตสาหกรรม ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป และจีน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเป็นเจ้าของ และ/หรือเป็นผู้บริหารจัดการเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์และโรงแรมมากกว่า 80 แห่งในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย ยุโรป แอฟริกา รวมไปถึงภูมิภาคตะวันออกกลาง ทั้งนี้กลุ่มบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นเดียวกันในการส่งมอบประสบการณ์ที่มีคุณค่า และน่าจดจำให้แก่ลูกค้า และผู้ถือหุ้น โดยอาศัยความรู้ และความสามารถจากทุกตลาดและภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อส่งมอบคุณค่าในสินทรัพย์ที่หลากหลายที่มีอยู่

นอกจากนี้เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ยังเป็นผู้สนับสนุนกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จำนวน 3 กอง และกองทรัสต์ สเตเปิ้ลอีกจำนวน1 กอง (Stapled Trust) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ ได้แก่ เฟรเซอร์ส เซ็นเตอร์พ้อยท์ ทรัสต์ (Frasers Centrepoint Trust) เฟรเซอร์ส คอมเมอร์เชียล ทรัสต์ (Frasers Commercial Trust) และเฟรเซอร์ส โลจิสติกส์ & อินดัสเทรียล ทรัสต์ (Frasers Logistics & Industrial Trust) ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่มุ่งเน้นอสังหาริมทรัพย์ศูนย์การค้า อาคารพาณิชย์ และโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมตามลำดับ ในขณะที่ เฟรเซอร์ส ฮอสพิทัลลิตี้ ทรัสต์ (Frasers Hospitality Trust) (ซึ่งเป็น Stapled Trust ประกอบไปด้วย เฟรเซอร์ส ฮอสพิทัลลิตี้ เรียล เอสเตท อินเวสต์เม้นท์ ทรัสต์ (Frasers Hospitality Real Estate Investment Trust) และ เฟรเซอร์ส ฮอสพิทัลลิตี้ บิซิเนส ทรัสต์ (Frasers Hospitality Business Trust)) เป็นกองทรัสต์ที่มุ่งเน้นอสังหาริมทรัพย์ด้านฮอสพิทัลลิตี้

ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู www.frasersproperty.com