AIS ครองแชมป์ส่วนแบ่งตลาดสูงสุดต่อเนื่อง รวบกำไรสุทธิ 7,615 ล้านบาท

AIS รายงานผลประกอบการ ไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิ 7,615 ล้านบาท ลูกค้า 4G ขยายตัวเพิ่มต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 63 ของฐานลูกค้ารวมทั้งหมด 41.5 ล้านเลขหมาย การใช้งานดาต้าเพิ่มเป็น 11.4 กิกะไบต์ โดยมีลูกค้าระบบรายเดือนเติบโตสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาส จำนวน 353,900 เลขหมาย ครองส่วนแบ่งการตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับ 1 ขณะที่ธุรกิจเน็ตบ้าน เอไอเอส ไฟเบอร์ สร้างปรากฎการณ์ปิดไตรมาสแรก ปี 62 ด้วยจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 64,500 ราย สูงที่สุดในรอบ 7 ไตรมาส

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “อุตสาหกรรมโทรคมนาคมยังคงเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ และสร้างโอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจในทุกๆ กลุ่ม ดังนั้น เป้าหมายของการเป็น Digital Life Service Provider คือ มุ่งมั่นพัฒนาโครงข่ายทั้ง Mobile, Fixed Broadband และโซลูชั่นส์ดิจิทัลต่างๆ ที่ดีที่สุด รวมไปถึงการพัฒนาองค์กรและบุคลากรให้มีขีดความสามารถอย่างสอดคล้องกับบริบทการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน เพื่อสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนให้แก่ลูกค้า ตลอดจนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ จนล่าสุดปีนี้ได้รับการยอมรับจากหลากหลายหน่วยงานสำคัญระดับโลก อาทิ Brand Finance จัดอันดับให้เป็น“World’s Strongest Telecoms Brand” หรือ “แบรนด์โทรคมนาคมที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก” จากการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม การลงทุนทางการตลาดอย่างสมเหตุสมผล ผลประกอบการที่แข็งแกร่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยความแข็งแกร่งของเอไอเอส สะท้อนมาถึงภาพรวมผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2562 ที่มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 7.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 1.7% เทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิ 7,615 ล้านบาท ลดลง 5.3% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นกว่า 11% เทียบกับไตรมาสก่อน  และยังครองความเป็นผู้นำส่วนแบ่งการตลาดเชิงรายได้มากที่สุดในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่กว่าร้อยละ 48 ซึ่งในปัจจุบันเอไอเอสมีลูกค้า 4G เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นร้อยละ 63 ของฐานลูกค้าทั้งหมดกว่า 41.5 ล้านเลขหมาย และจากการพัฒนาคอนเทนต์ผ่านวิดีโอแพลตฟอร์มอย่าง AIS PLAY และ AIS PLAYBOX อย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำคอนเทนต์ความบันเทิงระดับโลกที่รู้จักกันดีอย่างซีรีส์ดัง Game of Thrones และการรับชม Live Concert ศิลปินชื่อดังได้ทุกที่ ทุกเวลา ส่งผลให้การใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 11.4 กิกะไบต์ จาก 7.6 กิกะไบต์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ที่สำคัญเอไอเอสยังเดินหน้าสร้างปรากฏการณ์ Game Changer ในธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ที่ประกาศพลิกโฉมวงการเน็ตบ้านไปอีกขั้นด้วยแนวคิด “เร็วกว่า ดีกว่า ง่ายกว่า” รายแรกในไทยที่ดูแลลูกค้าแบบครบวงจร ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เอไอเอส ไฟเบอร์ ถือเป็นผู้ให้บริการเน็ตบ้านที่มาแรงและกวาดลูกค้าใหม่เข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกันได้อย่างรวดเร็ว จากการออกแบบนวัตกรรมแพ็คเก็จและสร้างสรรค์งานบริการคุณภาพที่แตกต่าง ตอบโจทย์ความต้องการอย่างหลากหลาย และเป็นเครือข่ายเดียวที่ได้รับการจัดอันดับจาก Netflix ISP Speed Index ให้เป็นอันดับที่ 1 ของอินเทอร์เน็ตบรอดแบรนด์ติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน  พร้อมเป็นเพียงรายเดียวเช่นกันที่มอบประสบการณ์ชม Netflix ได้อย่างสะดวกสบายผ่านเมนูในกล่อง AIS PLAY BOX  โดยในไตรมาสแรก ปี2562 เอไอเอส ไฟเบอร์ มีจำนวนลูกค้าอยู่ที่ 795,000 ราย ครอบคลุมการใช้งานในพื้นที่ 57 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีลูกค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 64,500 ราย สูงที่สุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน เอไอเอสได้รุกขยายบริการดิจิทัลเซอร์วิส เชื่อมโยงสู่บริการในอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ผ่านมาได้เปิดตัวบริการ AIS Insurance Service ดำเนินธุรกิจโบรกเกอร์ประกันภัยทางออนไลน์ เพื่อส่งเสริมคนไทยเข้าบริการด้านประกันภัยผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างสะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น การพัฒนาบริการ Mobile Money ภายใต้ความร่วมมือกับ LINE และ VGI ที่คนไทยนิยมใช้บริการมากเป็นอันดับ 1 ในชื่อบริการ Rabbit LINE Pay ซึ่งมีลูกค้าลงทะเบียนใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การปฏิวัติรูปแบบงานบริการอย่างสอดคล้องกับพฤติกรรมลูกค้ายุคGen C ผ่าน AIS DigitALL Shop ด้วยแนวคิด “The Unmanned Store” แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมนำเทคโนโลยี AI
มายกระดับ Virtual Agent  เพื่อให้บริการลูกค้าได้ครบทั้ง Offline และ Online แบบ Full Service Digitization รวมถึงการผนึกกำลังกับ China Unicom ประกาศความร่วมมือระดับทวิภาคี เสริมศักยภาพบริการ ICT ครบวงจร ขยายฐานการรองรับลูกค้าระหว่างไทย-จีน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กร

นอกจากนี้ยังผนึกกำลังกับพาร์ทเนอร์เครือข่าย AIAP พัฒนานวัตกรรม IoT อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรูปแบบบริการใหม่ๆ ที่สร้างโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการและเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค อาทิ การลงนามความร่วมมือกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อพัฒนาSmart Meter บริหารจัดการระบบพลังงานไฟฟ้าจาก IoT ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากการพัฒนาเครือข่ายด้วยนวัตกรรมระดับโลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมยังคงได้รับการจัดอันดับจาก OOKLA® Speedtest® ให้เอไอเอสเป็นเครือข่ายมือถือที่เร็วที่สุดในไทยถึง 4 ปีซ้อน พร้อมครองอันดับ 1 เครือข่ายมือถือที่เร็วที่สุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

โดย นายสมชัย กล่าวสรุปว่า “สำหรับภาพรวมปี 2562 เอไอเอสได้คาดการณ์การเติบโตของรายได้จากการให้บริการหลักจะเติบโตด้วยอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง (mid-single digit) เมื่อเทียบกับปีก่อน และตั้งเป้าอัตรากำไร EBITDA ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณร้อยละ 43 พร้อมจัดสรรงบลงทุนมูลค่า 20,000 – 25,000 ล้านบาท ในการพัฒนาคุณภาพและเสริมประสิทธิภาพโครงข่ายเพื่อรองรับการใช้งานและมอบประสบการณ์ใช้งานที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากแนวทางทั้งหมดที่กล่าวมา เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าจะสามารถรักษาความเป็นเบอร์ 1 และสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจดิจิทัลของชาติได้ต่อไป”