บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย (“MC” หรือ “บริษัทฯ”) ประกาศยอดขายงวด 9เดือน (กรกฎาคม 61 – มีนาคม 62) รวม 2,894 ล้านบาทและประจำไตรมาส 3 (มกราคม – มีนาคม 62) รวม 980 ล้านบาท ลดลง 11.3% และ 16.8%ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นงวด 9 เดือน ที่ 57.9% และประจำไตรมาส 3 ที่ 57.9% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงวด 9 เดือน รวม 1,243 ล้านบาทและประจำไตรมาส 3 รวม 443 ล้านบาท ลดลง 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนอยู่ที่ 422 ล้านบาทและไตรมาส 3 อยู่ที่ 139 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 14.4% และ 13.9% ตามลำดับโดยผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงมีเหตุมาจากการบริโภคภายในประเทศที่หดตัว ระดับหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ที่อยู่ในระดับสูงและดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าและสินค้าไลฟ์สไตล์แข่งขันในด้านราคามากขึ้นกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาจนเกิดผลกระทบกับผลการดำเนินงานของผู้เล่นหลายรายในอุตสาหกรรม กอรปกับในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯอยู่ในช่วงการปรับแผนการกระจายสินค้าผ่านช่องทางการขายส่งเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในระยะยาว จึงทำให้ยอดขายได้รับผลกระทบเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตามหากสภาวะการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจฟื้นตัวตามนโยบายของรัฐบาล และบริษัทฯเริ่มดำเนินงานตามแผนการกระจายสินค้าใหม่ตามกำหนดการในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
คุณสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า “บริษัทฯมองว่าผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงสะท้อนถึงความท้าทายในช่วงที่เศรษฐกิจและความเชื่อมั่นในประเทศได้รับผลกระทบจากปัจจัยหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่บริษัทฯอยู่ในช่วงการปรับโครงสร้างการขายสินค้าสำหรับช่องทางร้านค้าของตนเองและช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อการนำเสนอสินค้าให้ตรงกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้นตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคส่งผลให้ยอดขายชะลอตัวลงเป็นการชั่วคราวในช่วงที่ผ่านมาจากสองช่องทางดังกล่าว โดยช่องทางขายผ่านห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นที่มีการปรับปรุงไปเมื่อปีที่ผ่านมาแล้วนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา โดย บริษัทฯยังคงลงทุนในโครงสร้างธุรกิจตามแผนที่วางไว้เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้รากฐานขององค์กรและบริหารเงินทุนหมุนเวียนอย่างระมัดระวังจนทำให้กระแสเงินสดดีขึ้น มียอดเงินสดคงเหลือรวมประมาณ 1,200ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่ผ่านมา 200 ล้านบาท จากการลดสินค้าคงคลังเพื่อเตรียมปรับรูปลักษณ์สินค้าทันทีเมื่อการจับจ่ายกลับสู่ภาวะปกติ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯประสบความสำเร็จในการเพิ่มรายได้จากช่องทางที่สำคัญทางกลยุทธ์ที่ได้ลงทุนไปก่อนหน้ารวมถึงรายได้จากช่องทาง mcmc outlets , mcshop.com, Lazada, Shopee, JD, Looksi, Buzzbees และล่าสุด Zilingo, Shop@24 รวมทั้ง K+ Market ที่ทำให้บริษัทฯสามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วทุกที่ทุกเวลา”
คุณสมชัย สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย กล่าวเสริมว่า “ในช่วงที่ผ่านมา ทางแม็คกรุ๊ปเองได้มีแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ของตราสินค้าในหลายกลุ่มไลฟ์สไตล์ จากกางเกงยีนส์ริมแดง Mc Selvedge ที่มีสินค้าออกมาแล้ว 5 รุ่นในครึ่งปีแรก ด้วยกิจกรรมร่วมสนุก เช่น โพสต์แชะแชร์ ‘พับขาโชว์เท่’ ผ่านเฟสบุ๊ค, ” สุข x 2 ” สำหรับการซื้อกางเกงยีนส์ริมแดง 2 ตัว นอกจากนี้ยังมี Mc Spotted ที่มีเหล่าบรรดาcelebrity และ influencer ในหลายกลุ่มไลฟ์สไตล์ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการใช้ชีวิตและการแต่งตัวผ่านสื่อออนไลน์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สอดรับกับกระแสสังคมและผู้บริโภคยุคใหม่ เช่น เสื้อเชิ๊ต Mc Resort ผ่านโซเชียลมีเดีย และล่าสุดที่เป็น must have item! สำหรับเหล่าแฟนพันธุ์แท้ MARVELที่เสื้อก็ต้องมี หนังก็ต้องดู โดยขนเอาฮีโร่จาก MARVEL มาให้เลือกใส่เท่กันถึง 9 แบบ ไม่ซ้ำใคร พร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษสิทธิ์แถมตั๋วหนังเพื่อมอบความสุขในการรับชมภาพยนตร์ และในส่วนโปรเจ็กต์ ‘Mc X’ ที่มีตลอดทั้งปีโดยล่าสุดเป็นคอลเลคชั่น ‘Everyday Peak’ ร่วมกับนักแสดงสาว พีค (ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ) ด้วยกางเกงยีนส์ขาสั้นหลากหลายสไตล์ด้วยดีไซน์ทรงที่สวย เข้ารูป พร้อมเคล็ดลับในการแต่งตัวต้อนรับซัมเมอร์อีกด้วย”
“ในส่วนของสินค้านั้น บริษัทฯเพิ่มไลน์สินค้าแนว Modern Workwear เพื่อขยายและครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในสำนักงานและในตัวเมืองมากขึ้น สำหรับกลุ่ม Non-denim หรือ Casual wear นำโดยแบรนด์ ‘U-P’(ยู-พี) แนว Sport Fashion ได้ออกคอลเลคชั่นใหม่ Livelihood ต่อเนื่องจากสองคอลเลคชั่นภายหลังการเปิดตัวแบรนด์เมื่อปลายปีที่แล้ว และยังคงจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม Lifestyle เพื่อเพิ่มความสนุกในการแต่งตัว เช่น รองเท้าMc Sneaker และ Slip-on ที่ล่าสุดเพิ่มสีใหม่ด้วยลุคสดใส เป็นต้น” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย