‘เอพี ไทยแลนด์’ โชว์ผลงานไตรมาสแรก กวาดรายได้รวม 10,030 ล้านบาท เผยยอดรอโอนเต็มมือกว่า 51,500 ล้านบาท

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ตอกย้ำความเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการ โชว์ผลงานไตรมาสแรกเติบโตอย่างโดดเด่น ด้วยความสำเร็จจากสินค้าบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม (100%JV) ดันรายได้รวมเติบโตถึง 10,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 37.4% ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 1,078 ล้านบาท ปัจจุบันสร้างยอดขายได้แล้วถึง 15,000 ล้านบาท เติบโต (+220%) มั่นใจจะสามารถสร้างยอดขาย และยอดรับรู้รายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน (เป้ายอดขาย 41,800 ล้านบาท และเป้ารายได้รวมที่ 35,900 ล้านบาท รวม 100%JV) การันตีเติบโตอย่างมั่นคงด้วยสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ามากกว่า 51,500 ล้านบาท พร้อมแผนเปิดตัวอีก 23 โครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งอายุของคนซื้อที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ และมีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกความท้าทายของผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ ที่จะสร้างสรรค์ให้สินค้ามีความแตกต่าง โดดเด่นโดนใจผู้บริโภค ซึ่งเอพีมองว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองยังคงมีดีมานด์อยู่ เพียงแต่รูปแบบและแพ็คเกจ ราคาสินค้าต้องพัฒนาบนพื้นฐานความต้องการที่อยู่อาศัยจริง และสอดรับกับความสามารถในการผ่อนชำระในยุคปัจจุบัน ซึ่งสำหรับเอพีแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขาย และ การโอนกรรมสิทธิ์โครงการทั้งคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ณ ไตรมาส 1 เอพีสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 10,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.4% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวมเท่ากับ 7,300 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิเท่ากับ 1,078 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าเท่ากับ 24.6% ที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 865 ล้านบาท บริษัทฯ ยังคงรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.78”

“หนึ่งใน Key Success ของการพัฒนาโครงการเอพีคือ การมีสินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของคนเมือง และการกำหนดแพ็คเกจราคาขายที่ครอบคลุมดีมานต์ตั้งแต่ราคาเริ่มต้น 2-50 ล้านบาทขึ้นไป โดยรายได้รวมในไตรมาส 1 ที่เกิดขึ้นกว่า 10,030 ล้านบาท เป็นยอดจากการรับรู้รายได้ในสินค้าแนวราบ ซึ่งโตขึ้นกว่างวดเดียวกันของปีก่อนหน้ากว่า 50% สะท้อนถึงกระแสการตอบรับของสินค้าบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ส่วนสินค้าคอนโดมิเนียมโครงการ RHYTHM เอกมัย และ LIFE อโศก ถือเป็นคีย์สำคัญในการผลักดันรายได้รวมในส่วนคอนโดมิเนียมให้กับเอพี ไทยแลนด์” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2562 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้แล้วมากถึง 15,000 ล้านบาท มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) เป็นมูลค่าสูงถึงประมาณ 51,500 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ มูลค่า 7,160 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม (รวมโครงการร่วมทุน) มูลค่า 44,340 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ 7,490 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ใน ครึ่งปีหลังอีกจำนวน 23 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 27,260 ล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮมจำนวน 12 โครงการ มูลค่า 9,250 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 10 โครงการ มูลค่า 11,710 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,300 ล้านบาท ตลอดจนโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย (Ongoing Projects) อีกกว่า 100 โครงการรอบกรุงเทพฯ มูลค่าคงเหลือขายรวมกว่า 55,150 ล้านบาท

“บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อันดับต้นๆ ของเมืองไทยที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกช่วงชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์และครบวงจรที่สุด ภายใต้ พันธกิจสำคัญ คือ ตอบโจทย์และเติมเต็มการมอบคุณภาพชีวิตแก่คนในสังคมให้เป็นผลสำเร็จ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยการยกระดับรูปแบบการดำเนินงานสู่การสร้างประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วน ด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากที่สุด” นายอนุพงษ์กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ สรุปปี 2562 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 40 โครงการมูลค่า 58,050 ล้านบาท โดยมีแผนเตรียมเปิดตัวในครึ่งปีหลังจำนวน 23 โครงการ มูลค่า 27,260 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,300 ล้านบาท แนวราบ 22 โครงการ มูลค่า 20,960 ล้านบาท

“เอพี ไทยแลนด์ กล้าที่จะแตกต่าง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย”