กลุ่มค้าปลีกเซ็นทรัล นำโดย ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ผนึกกำลังกับกลุ่มธุรกิจในเครือจัดแคมเปญ เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์’ (Central Love the Earth ‘Say No to Plastic Bags’) รวมพลังครั้งยิ่งใหญ่ ประกาศเจตนารมณ์ที่จะเป็นห้างค้าปลีกรายแรกของประเทศไทยที่ปลอดถุงพลาสติก ภายในปี 2562 เพื่อยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม ตอบสนองต่อนโยบายภาครัฐ ด้วยการรณรงค์ให้ลูกค้าปฏิเสธในการรับถุงพลาสติก และนำถุงผ้ามาเอง เพื่อรับคะแนนเดอะวัน (The 1) สูงสุดถึง 40 คะแนน โดยแคมเปญจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายนนี้ เป็นต้นไป ตั้งเป้าว่าจะลดปริมาณถุงพลาสติกภายในปี 2562 มากกว่า 150 ล้านใบ
นิโคโล กาลันเต้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (President of Central Retail Corporation) กล่าวว่า “ขยะพลาสติกถือเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกคนต้องร่วมกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะประเทศไทยที่ได้ชื่อว่า เป็นประเทศที่ปล่อยขยะพลาสติกลงทะเลมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ด้วยปริมาณขยะพลาสติกกว่า 2 ล้านตันต่อปี หรือประมาณ 2 แสนล้านใบ* จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เซ็นทรัล รีเทลประกาศใช้มาตรการในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังและเชิงรุกยิ่งขึ้น เราจึงได้ร่วมกันจัดแคมเปญ เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์’ แคมเปญใหญ่แห่งปีจากการรวมพลังกันของธุรกิจค้าปลีกอุปโภคและบริโภคในเครือกลุ่มเซ็นทรัล นำโดยห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เพื่อประกาศเจตนารมณ์ที่จะเป็นห้างค้าปลีกรายแรกของประเทศไทยที่ปลอดถุงพลาสติก โดยแคมเปญจะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 5 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก เป็นต้นไป ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา, ห้างสรรพสินค้าเซน, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท, ร้านค้าในกลุ่มเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (ซีเอ็มจี), เพาเวอร์บาย, ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์ และออโต้วัน โดยลูกค้าที่ร่วมปฏิเสธรับถุงพลาสติก สามารถสะสมคะแนนเดอะวัน 10 คะแนน เพื่อเป็นการขอบคุณที่ร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ได้ทุกวัน ณ ห้างร้านที่ร่วมรายการ”
“ในส่วนของกลุ่มค้าปลีกประเภทสินค้าบริโภคอย่างเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์, ท็อปส์ เดลี่ และร้านมัตสึโมโตะ คิโยชิ ยกระดับการรณรงค์งดแจกถุงพลาสติกแก่ลูกค้าเพิ่มเป็นทุกวันอังคารในแต่ละสัปดาห์ หลังจากได้รับผลตอบรับอย่างดีจากการงดแจกถุงพลาสติกทุกวันที่ 4 ของเดือน โดยจำนวนลูกค้าที่ได้รับคะแนนสะสมเดอะวันพิเศษ 8 คะแนน เมื่อปฏิเสธการรับถุง หรือนำถุงผ้ามาช้อปปิ้ง มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“พิเศษสุด! ในวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ซึ่งเป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ลูกค้าที่ไม่รับถุงพลาสติก และช้อปครบ 800 บาทขึ้นไป รับเพิ่มทันที! ถุงผ้าลดโลกร้อน มูลค่า 19 บาท 1 ใบ นอกจากนี้ยังจัดเตรียม “กรีน เช็กเอาต์” (Green Checkout) หรือแคชเชียร์ช่องพิเศษ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่งดรับถุงพลาสติก หรือนำถุงผ้ามาเอง ที่เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ , ท็อปส์ มาร์เก็ต และ ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ทุกสาขาอีกด้วย”
นิโคโล กล่าวต่อไปว่า “สำหรับแฟมิลี่มาร์ท จะเข้าร่วมแคมเปญ โดยรณรงค์ให้ลูกค้าปฏิเสธรับถุงพลาสติกทุกวัน และจะงดแจกถุงพลาสติกแก่ลูกค้าในทุกวันที่ 4 ของเดือน นอกจากนี้ยังมีแฟมิลี่มาร์ทอีก 3 สาขาที่จะงดการให้ถุงพลาสติกแก่ลูกค้าเป็นการถาวร ได้แก่ สาขามหาวิทยาลัยมหิดล, สาขากรมอนามัย และ สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ ชั้น 21 โดยตั้งเป้าภายในปี 2562 จะเพิ่มจำนวนแฟมิลี่มาร์ทที่งดการให้ถุงพลาสติก รวมเป็น 10 สาขา”
ด้าน ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลได้ริเริ่มรณรงค์ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกในห้างฯ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 11 ปี กับโครงการ “เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ” (Central Love the Earth) โดยลดถุงพลาสติกได้ทั้งหมด กว่า 95 ล้านใบ
“และในปีนี้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และเซน มีความยินดีที่จะผนึกกำลังกับกลุ่มธุรกิจในเครือสานต่อนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อม ต่อยอดแคมเปญ เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์’ เพื่อก้าวสู่การเป็นห้างสรรพสินค้ารายแรกของประเทศไทยที่ปลอดถุงพลาสติก กระตุ้นจิตสำนึกรักษ์โลก และช่วยลดภาวะโลกร้อน ไม่เพียงเท่านั้น แคมเปญนี้ ยังได้รับความสนับสนุนจาก อธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน มอบคะแนนเดอะวัน เพิ่มอีก 1 เท่า รวมเป็นทั้งสิ้น 40 คะแนน”
“นอกจากนี้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และเซนยังได้จัดทำถุงผ้าคอลเลกชั่นใหม่ เป็นแบบพับได้และลูกค้าสามารถพกพาได้สะดวก ง่ายต่อการใช้งาน รวมถึงกระเป๋าโท้ต (Tote Bag) ที่มีให้เลือกทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ เหมาะกับความต้องการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมลวดลายทันสมัย ใช้ได้ทุกเพศทุกวัย โดยจะวางจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป ในราคาเพียง 35 บาท และ 50 บาทเท่านั้น” ณัฐธีรา กล่าว
ภายในงานแถลงข่าว เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์’ ยังมีการมอบรางวัลกรีน แชมเปี้ยน (Green Champion) ให้กับลูกค้าของห้างเซ็นทรัล, ท็อปส์ และพนักงานของกลุ่มเซ็นทรัล ที่ร่วมกันรณรงค์ปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติกมาอย่างต่อเนื่อง โดยพัชริศา พัชรินทร์กุล หนึ่งในตัวแทนของกรีน แชมเปี้ยนได้บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการลดใช้ถุงพลาสติกว่า “จุดเริ่มต้นมาจากความเชื่อที่ว่า เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการช่วยทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้ และสามารถทำได้โดยเริ่มที่ตัวเราเอง ซึ่งการลดขยะพลาสติกเป็นเรื่องใกล้ตัว และทำได้ง่ายที่สุดเช่นกัน เพียงทุกคนพกถุงผ้าไปด้วยทุกครั้งเวลาไปช้อปปิ้ง หรือซื้อสิ่งของเครื่องใช้ เท่านี้ ก็สามารถช่วยลดขยะได้อย่างมหาศาล ส่วนตัวจะเดินช้อปปิ้งที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลลาดพร้าวเป็นประจำ จึงได้เห็นห้างเซ็นทรัลรณรงค์เรื่องการลดใช้ถุง ชวนนำถุงผ้ามาช้อปฯ มานานแล้วและแอบชื่นชมมาตลอด ทำให้ตัวเองก็ติดเป็นนิสัยไปแล้ว เวลาจะออกจากบ้านไปซื้อของต้องไม่ลืมถุงผ้า ซึ่งการทำแบบนี้บ่อยๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยของเรา จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้พกถุงผ้าเวลาไปจับจ่ายซื้อของ เป็นวิธีง่ายๆ ที่เราสามารถร่วมกันลดการใช้ถุงพลาสติกลงได้ เป็นหนึ่งวิธีที่เราแสดงออกในการบอกรักโลก เพื่อโลกของเราจะสวยงามและน่าอยู่มากขึ้น”
นิโคโล กล่าวปิดท้ายว่า “แคมเปญ เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ ‘เซย์ โน ทู พลาสติก แบ็กส์’ ถือเป็นก้าวแรก และก้าวสำคัญของเราในการขับเคลื่อน และสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับสังคมไทย ต้องขอขอบคุณลูกค้าและพนักงานทุกคนที่ให้ความร่วมมือ และการสนับสนุนอันดีมาโดยตลอด โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แคมเปญในครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงกระตุ้นครั้งใหญ่ให้กับวงการค้าปลีก สังคมไทย รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ให้หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อม และตระหนักถึงปัญหาของขยะพลาสติกให้มากขึ้น และเราเชื่อมั่นว่าการลดการใช้ถุงพลาสติก และลดขยะอันเกิดจากถุงพลาสติก หรือการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ต้องเริ่มจากตัวเรา คนรอบข้างของเรา พนักงานของเรา ลูกค้าของเรา แล้วขยายวงกว้างสู่ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และท้ายที่สุด เมื่อสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมได้เกิดขึ้นกับทุกคน เราจะเห็นการฟื้นฟูความสมดุลของธรรมชาติ ให้กลับคืนสู่ความสมบูรณ์ แล้วความฝันที่เราอยากจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีและดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข จะอยู่ไม่ไกลแน่นอน”
* ข้อมูลอ้างอิงจาก www.asia.nikkei.com