“พี่ต้องใช้ facebook แล้ว จะได้ไม่ตกเทรนด์” ได้ยินคนวัยทำงานรุ่นใหม่ๆ หลายคนจากหลายวงการ สะกิดให้เข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ของเว็บไซต์ที่กำลังมาแรงที่สุดเว็บหนึ่ง ในบรรดาเว็บ Social Network ที่มีอยู่มากมาย
ถามไปก็พบว่า น้องๆ เหล่านี้เขาใช้กันเป็นประจำ ส่วนใหญ่ใช้กับเพื่อนเก่าสมัยเรียน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่เพื่อนในแวดวงธุรกิจที่ต้องติดต่องานหรือธุรกิจกันบ่อยๆ ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ได้เจอเพื่อนเก่าสมัยเรียน หรือเพื่อนที่ทำงานเก่า ทำให้ไม่รู้สึกห่างหาย
มีไม่น้อยที่เลิกใช้ hi5 หันมาเป็นแฟนประจำ facebook เต็มตัว หลายคนติดใจ แอพพลิเคชั่นส์ ใน facebook ที่มีให้เลือกมากกว่า และซับซ้อนกว่า hi5
แอพพลิเคชั่นส์ที่หลากหลายก็มาจากกลยุทธ์การตลาดแบบแบ่งปัน เปิดให้ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นส์มีพื้นที่ “ปล่อยของ” หากแอพพลิเคชั่นส์เป็นที่นิยมก็มีโอกาสหาเงินเข้ากระเป๋าสบายๆ ดูอย่างเกม Pet Society เป็นตัวอย่าง ส่วน facebook ก็มีลูกเล่นใหม่ๆ ดึงดูดคนเข้ามาใช้เว็บได้ตลอด เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบ วิน-วิน ที่ใช้ได้ผล
ถ้าพูดถึงความเป็นแมสแล้ว facebook อาจสู้ hi5 ที่มีคนใช้เป็นหลักล้านไม่ได้แน่ แต่ถ้ามองในแง่ของผู้ใช้แล้ว น่าสนใจ เพราะส่วนใหญ่เป็นคนทำงาน นักศึกษามหาวิทยาลัย ใช้ติดต่อกับเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน
เนื่องจากความเป็นส่วนตัวของเว็บนี้ก็มีสูงกว่า hi5 ส่วนใหญ่จะใส่ชื่อ นามสกุลจริง ประเภทปลอมตัวไว้หากิ๊กแบบที่เคยใช้ hi5 นั้น ใช้ไม่ได้กับ facebook ถ้าทำแบบนั้น คุณจะหาใครไม่เจอ
กระแสเหล่านี้ นักการตลาด เจ้าของแบรนด์มองข้ามไม่ได้ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ เป็นคนที่มีการศึกษา และมีกำลังซื้อ โจทย์จึงอยู่ที่ว่า แบรนด์ไหนจะมีวิธีการดึงดูด หรือสร้างความสนใจได้มากน้อยเพียงใด เพราะก็ไม่ง่าย แต่ถ้าโดนใจแล้ว โอกาสทางการตลาดไม่หนีไปไหน ที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่มาก เหมาะกับยุคเศรษฐกิจยุคนี้
ใครที่เคยประทับใจกับสกู๊ป hi5 หรือ Youtube หรือ Google Earth แล้ว เชื่อได้ว่า สกู๊ปชิ้นนี้จะตอบโจทย์ได้ไม่แพ้กัน