เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จัดเต็มร้านดังต้นตำรับญี่ปุ่นกว่า 40 ร้าน ฟินกัน 3 วันเต็ม EAT MEATS FEST#2 กลับมาอีกครั้งกับเทศกาลเนื้อที่ยิ่งใหญ่และดีที่สุดในประเทศไทย

เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ อินวิเทชั่น (ไทยแลนด์) บริษัทที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่นในการส่งเสริมธุรกิจและเผยแพร่วัฒนธรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย และ เดกซ์ [ดรีม เอกซ์เพรส] บริษัทผู้นำเอ็นเทอร์เทนเมนท์ ด้านคอนเทนต์ลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่น จัดงาน EAT MEATS FEST ครั้งที่ 2 งานเทศกาลเนื้อที่ยิ่งใหญ่และดีที่สุดในประเทศไทย ตอบรับกระแสเรียกร้องจากความสำเร็จในการจัดงานครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ที่มีคนมาร่วมงานตลอด 3 วันถึงกว่า 30,000 คน กลับมาครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม จัดเต็มร้านดังต้นตำรับจากญี่ปุ่นกว่า 40 ร้าน ฟินกับเนื้อวากิว A 5 ที่บินตรงจากญี่ปุ่นมาเฉพาะงานนี้ พร้อมเมนูเด็ดและสุดยอดเมนูพิเศษจากทุกร้านที่หาทานได้เฉพาะในงาน 3 วันนี้เท่านั้น

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากความสำเร็จของการจัดงานEAT MEATS FEST ครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยยอดคนเข้าร่วมงานตลอด 3 วันมีมากกว่า 30,000 คน ถือเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ที่อยู่ในกระแสความนิยม ในฐานะเจ้าของพื้นที่จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับนโยบายทางการตลาดของ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการต่อยอด ซิกเนเจอร์ อีเวนต์ (Signature Event) ให้ยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ให้เป็นที่จดจำและติดตามในการจัดงานครั้งต่อ ๆ ไป

สำหรับการจัดงาน EAT MEATS FEST ครั้งที่ 2 งานเทศกาลเนื้อที่ยิ่งใหญ่และดีที่สุดในประเทศไทยจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 มิถุนายน ณ ชั้น G ลานกิจกรรมเอ็ม บี เค อเวนิว (โซน เอบี) บนพื้นที่กว่า 2,400 ตรม. โดยเป็นความร่วมมือกันระหว่างอินวิเทชั่น (ไทยแลนด์) บริษัทที่ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานรัฐบาลญี่ปุ่นในการส่งเสริมธุรกิจและเผยแพร่วัฒนธรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย จับมือกับเดกซ์ [ดรีม เอกซ์เพรส] บริษัทผู้นำเอ็นเทอร์เทนเมนท์ด้านคอนเทนต์ลิขสิทธิ์จากประเทศญี่ปุ่น และศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์

นายเจษฎาพงษ์ เจรียงประเสริฐ ประธานกรรมการบริษัท อินวิเทชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จและกระแสการตอบรับในการจัดงาน EAT MEATS FEST ครั้งแรกว่า “ในฐานะทีมผู้จัดงานรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากกับการตอบรับที่ดีภายหลังการจัดงานครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว และมีกระแสเรียกร้องอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากให้จัดงานEAT MEATS FESTขึ้นอีกในทุก ๆปี เราจึงตั้งใจจัดงาน EAT MEATS FEST ครั้งที่ 2 โดยยังคงร่วมมือกับบริษัท เดกซ์ [ดรีม เอกซ์เพรส] และศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ พร้อมขยายสเกลการจัดงานให้ยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยจำนวนร้านเด็ด ร้านดังจากญี่ปุ่นมากกว่า 40 ร้าน ปะทะร้านเนื้อยอดนิยมของคนไทย รับรองว่าจะยิ่งโดนใจคนรักเนื้อมากขึ้นกว่าเดิมและจะเดินหน้าสร้างงาน EAT MEATS FEST ให้เป็นผู้นำงานเทศกาลเนื้อที่ยิ่งใหญ่และดีที่สุดทุก ๆปี”

อาทิ ร้าน “Omi Beef Okaki”  เจ้าของฟาร์มเนื้อโอมิ 1 ใน 3 สุดยอดเนื้อวากิวที่มีประวัติเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น กว่า 400 ปี ร้าน “Nikuyama” ร้านเนื้อโอมากาเสะที่ดังที่สุดในญี่ปุ่น พร้อมมือย่างวากิวบินตรงจากโตเกียว เพิ่มเติมความฟินกับสุดยอดร้านเนื้อยอดฮิตของคนไทย อาทิ ร้าน “รสดีเด็ด” สุดยอดร้านเนื้อระดับตำนานของคนไทย ผู้คิดค้น “อาบน้ำเนื้อ” อันเลื่องชื่อ ร้าน “มหาสาร” ร้านเนื้อของคนไทยแนวใหม่ที่ขึ้นชื่อว่าจองยากระดับเทพ ไฮไลท์เด็ดปีนี้ คือการโชว์ทำอาหารร่วมกันจาก 4 ร้านดัง ได้แก่ ร้าน Nikuyama ร้าน มหาสาร ร้าน Shindo ramen และร้าน Schwedakong ที่ให้ลุ้นชิมจำนวนจำกัด พิเศษสุดยังได้ยกร้าน Tokyo Chikara Meshi และ DENSETSU NO SUTADON-YA ร้านแบรนด์ดังจากญี่ปุ่นมาที่ไทยเป็นครั้งแรก

นายกฤษณ์ สกุลพานิช ซีอีโอ บริษัท เดกซ์ [ดรีม เอกซ์เพรส] กล่าวว่า “จากกระแสตอบรับการจัดงานในครั้งแรกเป็นอย่างดี ในฐานะผู้ร่วมจัดงานจึงเชื่อมั่นว่ากระแสความนิยมอาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมนูเนื้อพรีเมียมยังคงเป็นที่โปรดปรานของคนไทยเป็นจำนวนมาก จากผลการสำรวจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) เผยว่าในปี 2561 ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีมูลค่าการตลาดถึง 4 แสนล้านบาทและจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีการขยายตัวสูงถึง 8.3 % โดยมีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นรวมทั้งหมดกว่า 3,000 ร้าน อีกทั้งตัวเลขสถิติที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกว่า 1.13 ล้านคนในปี 2561 ซึ่งมากที่สุดในอาเซียน และเหตุผลอันดับ 1 คือการ “ไปกินอาหารญี่ปุ่น” โดยเฉพาะการบริโภคเนื้อวากิวของไทยนั้น มีตัวเลขยืนยันจากกระทรวงการคลังญี่ปุ่นว่าในปี 2558 มีการส่งออกเนื้อวากิวมายังประเทศไทยกว่า 7 แสนล้านเยน และในปี 2561 ที่ผ่านมาได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านล้านเยน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก”