The Tampon Book หนังสือแถมผ้าอนามัยแบบสอด คว้า Grand Prix จาก Cannes Lions หลังโชว์กึ๋นต้านภาษีสุดเก๋

ไอเดียต่อต้านอัตราภาษีผ้าอนามัยแบบสอดที่ไม่เป็นธรรมของสตาร์ทอัปเยอรมนีคว้ารางวัล PR Grand Prix จากเวที Cannes Lions ครั้งล่าสุด ชนะแบรนด์ใหญ่ทั้ง Budweiser, McDonald’s หรือองค์กรการกุศลในสหรัฐฯ อย่าง Donate Life California ที่หล่นไปได้ gold Lions เท่านั้น ปรากฏการณ์นี้สะท้อนพลังที่ไม่ธรรมดาในสินค้าสำหรับผู้หญิง ทำให้มีโอกาสสูงที่จะส่งแรงกระเพื่อมถึงเซ็กเมนต์ feminine product ทั่วโลก

ต้นเหตุของปรากฏการณ์นี้อยู่ที่ประเทศเยอรมนี รัฐบาลเมืองเบียร์สั่งเก็บภาษีสินค้ากลุ่มผ้าอนามัยในอัตราที่มากกว่าเดิม 2 เท่าตัว ทำให้ผ้าอนามัยแบบสอดถูกเก็บภาษีหนักในระดับเดียวกับคาเวียร์ เอเจนซี่ในเบอลินอย่าง Scholz & Friends จึงทำแคมเปญต่อต้านในนาม The Female Company ด้วยการจับผ้าอนามัยมาแพ็กใส่บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบหนังสือเสียเลย

ผลคือหนังสือชื่อ “The Tampon Book: A Book Against Tax Discrimination” ซึ่งระบุชัดว่าเป็นหนังสือต่อต้านการแบ่งแยกทางภาษี สามารถชนะรางวัล Grand Prix สาขา PR ในเทศกาล Cannes Lions International of Creativity แบบที่แบรนด์ใหญ่ต้องหลบไปก่อน

บุกหลายประเทศ

เป้าหมายสูงสุดของแคมเปญคือการกระตุ้นให้ทุกฝ่ายร่วมใจประท้วงการขึ้นภาษีผ้าอนามัยแบบสอด ซึ่งถูกมองเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยของเยอรมนีด้วยอัตราภาษี 19% สิ่งที่ The Female Company ทำคือการบรรจุผ้าอนามัยออร์แกนิกแบบสอด 15 ชิ้นไว้ในหนังสือหนา 46 หน้า ซึ่งหนังสือนั้นเป็นสินค้าที่ถูกเก็บภาษีในอัตรา 7% เป็นอัตราภาษีระดับต่ำสำหรับสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน

ไม่เพียงเยอรมนี แคมเปญนี้ได้รับแรงผลักดันในประเทศอื่น เช่น เคนยา แคนาดา และอินเดีย ซึ่งเริ่มพิจารณายกเลิกมาตรการเพิ่มอัตราภาษีสำหรับผ้าอนามัยแบบสอดแล้ว 

การพิมพ์ครั้งแรกของหนังสือแถมผ้าอนามัย “The Tampon Book” ได้รับเสียงตอบรับดีมาก สามารถจำหน่ายหมดเกลี้ยงในวันเดียว และเมื่อพิมพ์ครั้งที่สองก็สามารถจำหน่ายหมดใน 1 สัปดาห์ ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการกระตุ้นโดย influencer หลายราย ซึ่งย้ำให้แฟนคลับได้รู้ว่าทุกคนกำลังจ่ายภาษีที่แพงขึ้นเมื่อซื้อผ้าอนามัย บนอัตราภาษีที่มากกว่าคาเวียร์, ดอกไม้, ภาพวาดสีน้ำมัน และเห็ดทรัฟเฟิลแสนแพง

สื่อสารได้ทันสมัย

Jury Chair Michelle Hutton กรรมการผู้จัดการฝ่ายลูกค้าระดับโลกของ Edelman วิเคราะห์ว่าจุดเด่นของหนังสือ The Tampon Book อยู่ที่การเป็นตัวอย่างที่ดีของการสื่อสารสมัยใหม่ กลายเป็นส่วนผสมที่ผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับการประชาสัมพันธ์แบบลงตัว

เหตุผลนี้เองที่ทำให้หนังสือนี้ได้รับรางวัล เพราะคณะกรรมการต้องการมองหาผู้ชนะที่ยกระดับการปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ หรือ PR ได้ สอดรับกับความเป็น PR ยุคใหม่ที่จะไม่ใช่แค่ channel หรือช่องทางเท่านั้น แต่ PR เป็นงานฝีมือ และเป็นงานฝีมือที่สำคัญยิ่งสำหรับธุรกิจและแบรนด์ รวมถึงสังคมในปัจจุบัน

หนังสือ The Tampon Book ไม่เพียงเป็นผู้ชนะที่สมศักดิ์ศรี แต่ยังถูกมองว่าสามารถเป็นตัวอย่างสำหรับแคมเปญในอนาคตได้ด้วย ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่าอุตสาหกรรม PR ควรทำงานใกล้ชิดกับชุมชนนักสร้างสรรค์

เพราะเมื่อทั้ง 2 งานฝีมือถูกผสมและร่วมมือกัน ก็จะกลายเป็นเวทมนตร์ที่โดนใจคนทั่วโลก.

ที่มา