มีแผนสำรอง! “เซ็นทรัล วิลเลจ” ดิ้นทุกทางเปิด “ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต” 31 ส.ค. นี้ แน่นอน

เป็นประเด็นที่ต้องรอลุ้นว่าจะจบอย่างไร กับศึกช้างชนช้างระหว่าง ทอทและ เซ็นทรัล วิลเลจ หลังเกิดข้อพิพาท เมื่อ ทอท. ขนอุปกรณ์ปิดทางเข้าออกด้านหน้าโครงการ ตั้งแต่วันที่ 22 .ที่ผ่านมา ขณะที่โครงการกำลังเร่งตกแต่งร้านค้าเพื่อให้ทันเปิดตามกำหนดวันที่ 31 .นี้

สำหรับประเด็นที่เกิดขึ้นจากฝั่ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) เพื่อสอบถามความเหมาะสมของการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ของเซ็นทรัล วิลเลจ ที่เห็นว่าอาจจะขัดกับเงื่อนไขกฎเกณฑ์การบินขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตามเงื่อนไขพัฒนาพื้นที่รอบสนามบิน รวมทั้งกรณีการใช้พื้นที่โดยพลการในการก่อสร้างแนววางท่อประปาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า

โดย ทอท. ได้นำรถ อุปกรณ์ และตั้งเต็นท์ ปิดทางเข้าออกโครงการ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ร้านค้าและผู้รับเหมาต้องเดินเท้าขนอุปกรณ์เข้าไปในโครงการเพื่อตกแต่งร้านค้า

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ เซ็นทรัลพัฒนา เจ้าของโครงการ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ได้ร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราว ให้ ทอท. เปิดทางเข้าออกโครงการ โดยศาลปกครองนัดไต่สวนฉุกเฉินวันนี้ (28 ส.ค.)

ปิดป้ายแลกคนละหมัด

ก่อนถึงกำหนดเปิดบริการเซ็นทรัล วิลเลจ วันนี้ (28 ส.ค.) “ซีพีเอ็น” ได้พาสื่อมวลชนสำรวจโครงการลักชัวรี่ เอาท์ เล็ต “เซ็นทรัล วิลเลจ” ที่กำลังอยู่ระหว่างการเร่งตกแต่ง 150 ร้านค้า เพื่อเปิดให้บริการในวันที่ 31 ส.ค. นี้

เริ่มตั้งแต่ถนนทางเข้าโครงการที่ถูก ทอท. นำอุปกรณ์และตั้งเต้นท์ปิดทางเข้าออกตั้งแต่ วันที่ 22 ส.ค. 2562 และติดตั้งป้ายด้านหน้าทางเข้าโครงการว่าเป็น “พื้นที่ในความครอบครองของ ทอท. ห้ามผู้ใดบุกรุก มิฉะนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายโดยเด็ดขาด”

ฝั่ง “เซ็นทรัล วิลเลจ” ได้นำป้ายมาติดตั้งหน้าโครงการเช่นกัน ข้อความย้ำว่า “โครงการนี้ตั้งอยู่ติดทางหลวงแผ่นดิน มิได้รุกล้ำพื้นที่ผู้ใด” เช่นกัน

ยืนยันเปิดแน่นอน 31 ส.ค. นี้

แม้ใกล้ถึงกำหนดเปิดบริการและ 150 ร้านค้า กำลังอยู่ระหว่างตกแต่งเพื่อให้ทันกำหนดเปิดตัว ขณะที่มีอุปสรรคในการขนอุปกรณ์ของร้านค้าต่างๆ เพื่อเข้ามาตกแต่ง จากการปิดทางเข้าออกของ ทอท.

แต่วันนี้ (28 ส.ค.) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ผู้บริหารและพัฒนาโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ประกาศยืนยันว่าโครงการ ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต แห่งแรกของประเทศไทย พร้อมเปิดตามกำหนดเดิมวันที่ 31 ส.ค. นี้

โดย เซ็นทรัล วิลเลจ ได้ดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจรับผิดชอบโดยตรง พร้อมให้ตรวจสอบ

จี้รัฐเป็นธรรม-เร่งเคลียร์ปม ทอท.

ปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ลักชัวรี่ เอาท์เล็ต “เซ็นทรัล วิลเลจ” สามารถดึงนักลงทุน Global Brands ใหญ่ๆ ระดับโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โครงการใช้เวลาเตรียมการมากว่า 5 ปี และลักชัวรี่ เอาท์เล็ตแห่งนี้ จะทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว และดึงคนไทยมาช้อปในประเทศ ทำให้ภาษียังหมุนเวียนอยู่ในประเทศ และทุกกลุ่มเข้าถึงสินค้าแบรนด์เนมได้ง่ายขึ้น

โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ขอให้ภาครัฐให้ความเป็นธรรมและช่วยคลี่คลายสถานการณ์ปัญหาต่างๆ โดยเร่งด่วน เนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้าในโครงการได้รับผลกระทบไม่สามารถเข้ามาตกแต่งร้านค้าได้

โดยโครงการมีมูลค่าร่วมลงทุนของซีพีเอ็น และร้านค้ากว่า 150 ร้านค้า รวมกว่า 5,000 ล้านบาท หลังเปิดให้บริการคาดว่าจะมีการจ้างงานพนักงานร้านค้าที่เช่าพื้นที่กว่า 1,000 คน และคาดสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในประเทศกว่า 30,000 ล้านบาท”

รอลุ้นศาลคุ้มครองวันนี้ ย้ำมีแผนสำรอง

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (28 ส.ค.) ศาลปกครองได้นัดไต่สวน 2 ฝ่าย คือ ทอท. และ ซีพีเอ็น ซึ่งซีพีเอ็นขอให้ศาลพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ ทอท. เปิดทางเข้าออกโครงการ

กรณีหากศาลปกครองพิจารณาออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว หลังจากนั้น ซีพีเอ็น ก็มีสิทธิพิจารณาว่าจะฟ้องร้องคดีกับ ทอท. หากพบว่าการปิดทางเข้าออกโครงการตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้กับร้านค้า ผู้รับเหมา และโครงการ

“แต่ถึงขณะนี้ก็พร้อมเจรจากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องไม่ใช่การตีความเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง”

ทั้งนี้ ไม่ว่าศาลปกครองจะมีคำสั่งออกมาอย่างไร ซีพีเอ็น ก็ยืนยันจะเปิดบริการ เซ็นทรัล วิลเลจ ในวันที่ 31 ส.ค. นี้แน่นอน โดยมีแผนสำรองแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้นไว้แล้ว แต่ยอมรับว่าการเปิดโครงการในวันที่ 31 ส.ค. นี้ ยังไม่เต็ม 100% ความพร้อมอยู่ที่ 70% และจะใช้เวลาอีก 1 – 2 เดือนในการตกแต่งโครงการ

แจง 3 ปมข้อกล่าวหา ยันทำถูก กม.

สำหรับประเด็นที่มีข้อกล่าวอ้างการเปิดโครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ ขอชี้แจง มี 3 ประเด็น

1. พื้นที่โครงการมีการเชื่อมทางเข้าออกอย่างถูกต้อง ไม่มีการรุกล้ำที่ดินของภาครัฐ (ที่ราชพัสดุ ลำรางสาธารณะ) และไม่ได้เป็นที่ดินตาบอด

ที่ดินโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่บนที่ดินที่ติดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ซึ่งไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของ ทอท.

ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 เดิมเป็นที่ราชพัสดุ ต่อมากรมทางหลวงได้พัฒนาเป็นทางหลวงแผ่นดิน โดยได้ขึ้นทะเบียนเป็นทางหลวงแผ่นดินแล้ว จึงมีสถานภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ทำให้ไม่มีสถานะเป็นที่ราชพัสดุตามมาตรา 7 (2) พ.ร.บ. ที่ราชพัสดุ พ.ศ. 2562 และเป็นพื้นที่คนละบริเวณกันกับที่ภาครัฐเวนคืนมาเพื่อสร้างสนามบินที่ ทอท. ดูแล

โครงการได้รับอนุญาตเชื่อมทางอย่างถูกต้องจากกรมทางหลวง ซึ่งเป็นผู้ซึ่งมีอำนาจเต็มในการอนุมัติการเชื่อมทางแต่เพียงผู้เดียว

ทั้งนี้ พื้นที่ทางหลวงหมายเลข 370 หมายรวมถึง เขตทาง และไหล่ทาง ซึ่งติดกับที่ดินของเอกชน 2 ข้างถนน ซึ่งที่ดินของโครงการมีแนวเขตแนบสนิทต่อเนื่องกับเขตทางของ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ดังนั้น ที่ดินของโครงการจึงไม่ใช่ที่ดินตาบอด

2. ปฏิบัติตามกฎหมายผังเมือง

โครงการนี้ได้ปฏิบัติตามและได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องในการก่อสร้างในพื้นที่สีเขียว บริเวณ ก1-10 ไม่เกินร้อยละ 10 ของที่ดินพื้นที่สีเขียวบริเวณดังกล่าว โดยโครงการได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายผังเมือง ไม่ได้มีการขอปรับผังเมืองแต่อย่างใด

3. ขออนุญาตก่อสร้างในพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ ไทยอย่างถูกต้อง

ยืนยันว่าการก่อสร้างมีความปลอดภัยต่อการบิน ไม่ได้ละเมิดกฎใดๆ ทั้งความสูง ไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานสนามบิน หรือรบกวนการบินแต่อย่างใด โดยแบบมีความสูงที่ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) จึงไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการติดธงแดงตามที่มีการ กล่าวอ้าง ในต่างประเทศหลายประเทศมีการกสร้างเอาท์เล็ตใกล้กับสนามบิน ที่ไม่ส่งผลกระทบกับการบิน

โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ประกาศติดป้ายลงทุนในพื้นที่มาแล้ว 5 ปี เริ่มก่อสร้าง 2 ปี ก่อนหน้านี้ไม่มีข้อร้องเรียนจากหน่วยงานใดๆ มาก่อน