ของขวัญคลินิก ตั้งเป้าร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์รายใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ครบวงจร เน้นการเจาะกลุ่ม B+ และเพิ่มการขยายตลาดกลุ่มไฮเอนด์ เน้นผลัก “นวัตกรรมแบบองค์รวม” ในการขยายแบรนด์ ตั้งเป้าเติบโต 25%


ในโอกาสครบรอบ 13 ปี “ของขวัญคลินิก” เผยแผนธุรกิจ เล็งเจาะตลาดต่างประเทศและในประเทศเพิ่มมากขึ้น เชื่อมั่นในศักยภาพของความเป็นแบรนด์ “ของขวัญ คลินิก” ที่ให้บริการลูกค้าที่รักความสวยความงามมาอย่างยาวนาน จัดงานฉลองครบรอบปีที่ 13 “KKC Khongkwan Clinic 13 Years Anniversary” อย่างยิ่งใหญ่กับคอนเซ็ปต์ Reborn Rebody Rebeauty พร้อมผลักดัน “นวัตกรรมแบบองค์รวม” ที่ช่วยให้คนไข้สวยใสไปถึงระดับเซลล์ ตั้งเป้าร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์รายใหม่ที่มีนโยบายตรงกัน เพื่อให้การบริการด้านความงามของ “ของขวัญคลินิก” เติบโตมีขนาดใหญ่ และครบวงจรมากขึ้น คาดเป็นเจ้าแรกของเมืองไทยที่ทำธุรกิจด้านความงามแบบครบวงจร

เชื่อมั่นกำลังซื้อของผู้หญิงทุกช่วงวัย รวมไปถึงเพศทางเลือก และผู้ชายที่รักความสวยความงาม ที่ให้ความสำคัญกับการเสริมความงาม เตรียมมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนมากขึ้น หลังเจาะกลุ่มลูกค้าระดับ B+ ขึ้นไปมาตลอด เผยยอดผลประกอบการเติบโตที่ 15 – 20 เปอร์เซนต์ และสามารถยืนหยัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจความงามอย่างต่อเนื่อง คาดจบไตรมาส 4 หรือสิ้นปี 2562 จะมีผลกำไรสุทธิ เติบโต 25 เปอร์เซนต์ แม้จะมีคู่แข่งด้านธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้นก็ตาม

แพทย์หญิง ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ประธานบริหาร ของขวัญ คลินิก เวชกรรม ภายใต้ชื่อแบรนด์ “ของขวัญคลินิก” กล่าวว่า ธุรกิจความงามคือธุรกิจเฉพาะตัว ที่เน้นการบริการ เน้นเชื่อเสียงเน้นการรับรู้ ในเมื่อโลกมีการปรับเปลี่ยนทุกวัน สำหรับวันนี้เราทำธุรกิจเน้นการเติบโตขยายผ่านการทำตลาดในหลายช่องทาง ทั้งทางออนไลน์ การแนะนำลูกค้าให้มาทดลองใช้บริการจริงด้วยการแจกคูปอง ฯลฯ รวมถึงการนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆจากต่างประเทศที่ได้รับการการันตรีเรื่องความปลอดภัยและ คุณภาพที่ดีเยี่ยม และมีการใช้ในคลินิกด้านความงามต่างๆในต่างประเทศจนประสบความสำเร็จมาแล้วนำมาใช้บริการกับลูกค้าของร้านมากขึ้น

ล่าสุด “ของขวัญคลินิก” ได้นำเอา“นวัตกรรมแบบองค์รวม” ที่ช่วยให้คนไข้สวยใสไปถึงระดับเซลล์ มาใช้กับลูกค้า ซึ่งคุณหมอของขวัญ กล่าวว่าคือการทำให้เรากลับมาย้อนเวลากลับไปเหมือน “ไทม์แมชชีน” (Time machine) เพื่อให้เราสวยเหมือนกลับไปเป็นเด็กวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้เข็ม มีด หรือยาแปลกปลอมที่น้อยลง ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นข่าวการจับยาปลอมกันมากมาย ดังนั้นเราจึงมีแนวคิดที่จะทำนวัตกรรมใหม่ขึ้นมา เป็นการใช้เงินลงทุนที่สูง เพราะการทำคลินิกไม่ใช่มีแค่ โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือ ร้อยไหม แต่มันเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์ในการดูแลและรักษาคนไข้ ฉะนั้นเป็นเรื่องของ holistic หรือ องค์รวม บวกกับ Anti-Aging และประสบการณ์ที่มี ดังนั้นรายละเอียดในนวัตกรรมที่พูดถึง คือจะดูคนไข้ในองค์รวมว่าแผลคนไข้หายดีแค่ไหนคือสิ่งที่จะเสริมเข้ามา

แพทย์หญิงของขวัญ กล่าวต่อว่า ส่วนเหตุผลที่ “ของขวัญคลินิก” ต้องนำนวัตกรรมนี้เข้ามาใช้ เพราะเนื่องจากว่าเป็น “ไทม์แมชชีน” Time machine และร่างกายเราก็ฉลาดที่สุด ดังนั้นคือเราอยากจะทำให้ร่างกายกลับไป Fresh ได้ดีเหมือนเดิม เราก็ต้องทำสิ่งที่ฉลาดที่สุด นั่นก็คือสิ่งที่ร่างกายทำกลับมา ต้องบอกว่าการดูแลคนไข้แบบองค์รวมของหมอ เป็นประสบการณ์ที่หมอทำมาตลอด 15ปี หมอไม่เคยดูแค่ว่า คนไข้เป็นคนไข้ที่มาทำหน้า หรือตัว เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูทั้งผลเลือดและคอยติดตามทุกอย่าง ฉะนั้นจะไม่บอกว่าเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย แต่เป็นศาสตร์และศิลป์ของหมอแต่ละคนมากกว่า

แพทย์หญิงของขวัญ ยังกล่าวด้วยว่างบประมาณในการลงทุน นำ“นวัตกรรมแบบองค์รวม” มาใช้ในคลินิกว่า ตั้งแต่ ของขวัญ คลินิก มี shadow, window, channel, connection และหลายๆอย่าง งบประมาณมันอาจจะไม่ได้สูงมาก แต่เป็นการร่วมมือนวัตกรรมจากต่างประเทศ ซึ่งก็อยู่ในขั้นตอนการคุยกันอยู่ ซึ่งยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ว่าเราใช้งบในการลงทุนครั้งนี้ไปเท่าไร แต่เรายอมรับว่าเรามีเครื่องมือหลายอย่าง ที่เรานำเข้า Material จากแหล่งที่หมอคิดว่าดีที่สุดในโลกของในแต่ละอย่าง ทั้งจากอเมริกา เยอรมัน โดยมีการแง้มสาขาที่จะเปิดและเอาแบรนด์ไปบุกตลาดคือ ประเทศ จีน 3 เมืองคือ ปักกิ่ง เซี้ยงไฮ้ และ กว่างโจว อีกทั้งกำลังมีแผนเข้า อินโดนีเซีย โดยมองว่า นวัตกรรม วัตถุดิบต่างๆ อื่นๆที่เราคิดว่าดีที่สุดในโลก อาจจะมีเพียงบางสาขาเท่านั้นที่อาจจะไม่ได้มีเครื่องครบทุกชนิด แต่ถ้าพูดถึงระบบการบริการ รับรองได้ว่า แบรนด์ของขวัญคลินิกเรามีให้ครบทุกสาขาด้วยมาตรฐานที่เหมือนกัน และจะเริ่ม Launch ต้นปีหน้า

สำหรับทิศทาง และภาพรวมในอีก 1-5 ปีข้างหน้าของ “ของขวัญคลินิก” แพทย์หญิงของขวัญ กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีสาขาให้บริการมากกว่า 17 สาขาทั้งในประเทศไทยและลาว ในปีนี้เป็นปีที่เราร่วมลงทุนกับต่างประเทศมากขึ้น ทำให้ได้นวัตกรรมใหม่ๆเกือบทั้งหมด เราจะร่วมลงทุนกับบางบริษัท ให้มันใหญ่ขึ้น และครบวงจรมากขึ้น และจะทำให้เป็น lab ที่เป็นศูนย์ครบวงจร น่าจะเป็นที่แรกของประเทศไทยที่ทำครบวงจร ทั้ง surgery, aseptic, anti-aging, plastic surgery และอาจจะมี cell therapy เข้าด้วย ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ใหม่มาก ที่มาจากอเมริกา และเยอรมัน ซึ่งตอนนี้เรากำลังคุยกันอยู่ การขยายสาขาก็อาจจะไม่ใช่การทำแบบแนวราบเหมือนเดิม แต่จะเป็นแบบแนวบน คือทำให้บริการแบบไฮเอน( high end)มากขึ้น ซึ่งเดิมกลุ่มลูกค้าจะเป็นระดับ B+ ขึ้นไป

นอกจากนี้ แพทย์หญิงของขวัญ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับยอดผลประกอบการเติบโตอยู่ที่ 15 – 20 เปอร์เซนต์ และคาดการณ์ว่า “ของขวัญคลินิก” จะสามารถยืนหยัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจความงามอย่างต่อเนื่อง หลังจบไตรมาส 4 หรือสิ้นปี 2562 จะมีผลกำไรสุทธิ เติบโต 25 เปอร์เซนต์ แม้จะมีคู่แข่งด้านธุรกิจนี้เพิ่มมากขึ้นก็ตาม และเราหวังว่า “ของขวัญคลินิก” จะก้าวกระโดดสู่วงการธุรกิจความงามระดับหนึ่ง หรือ สอง ในระดับ Top Five ของประเทศไทย หลังการร่วมลงทุนกับพาร์ทเนอร์ใหม่สำเร็จ ในการขยับขยาย ให้ “ของขวัญคลินิก”มีบริการแบบครบวงจรเป็นเจ้าแรกของประเทศไทย ณ ขณะนี้เน้นสาขาที่เปิดบริการอยู่ในเซ็นทรัลลาดพร้าว ตอนนี้มีถึง 4 สาขากระจายรองรับการบริการอย่างทั่วถึง และการมีรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าว เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขาย และ การขยายตลาดกลุ่ม B+ ให้ได้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

ในตอนท้าย แพทย์หญิงของขวัญ ยังได้กล่าวถึงวงการธุรกิจด้านความงามในประเทศไทยด้วยว่า“ตอนนี้ประเทศไทยมุ่งเน้นบริการความงามทุกความงาม แต่ก็ไปมุ่งเรื่องราคา ซึ่งหมอเป็นห่วงมากๆ ให้ดูที่ความน่าเชื่อถือ และเทรนด์ความงามของแต่ละคนก็ไม่มีอะไรหรอก นอกจาก สิว ฝ้า อ้วน ย่น หย่อน ยาน แค่นี้ และอยากกลับไปหน้าเด็ก ผิวดี แค่นี้ ไม่มีอะไร ซึ่งหมอก็คิดว่าในอนาคตมันก็เป็นแบบนี้ตลอดไป ที่สำคัญตลาดธุรกิจความงามในประเทศไทยเริ่มเป็นแบบ Red Ocean คือคนที่ไม่ได้เป็นหมอสามารถออกมาเปิดคลินิกได้ มาหั่นราคาและใช้ยาปลอม และตอนนี้ยาปลอมก็ออกมาเต็มตลาดมาก แม้แต่หมอดีลทีนึงเป็นแสนกล่อง มี10กว่าสาขา ใช้วันนึงก็เป็นพัน ยังไม่ได้ราคานั้นเลย ก็อยากจะฝากไว้ว่าอะไรที่ฉีดเข้าตัวแล้วมันเอากลับออกมาไม่ได้ แต่เราจะเอาราคาขึ้นมาเพื่อเป็นจุดตัดสินใจ หมอว่าตรรกะนี้มันไม่ใช่