ในปี ค.ศ. 2011 หนังสือ Wheat Belly ได้ตีพิมพ์ผลงานวิจัยจากปลายปากกาของ นพ. วิลเลียม เดวิส (William Davis) ที่เข้ามาพลิกความรู้เดิมของมนุษย์เกี่ยวกับ ‘กลูเตน’ จนทำให้คนทั่วโลกแปรเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในชั่วข้ามคืน
กลูเตน (Gluten) คือสารอาหารที่พบมากในข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และข้าวโพด นั่นอาจบอกได้คร่าวๆ ว่ามนุษย์รับกลูเตนเข้าสู่ร่างกายมาเป็นพันๆ ปีตั้งแต่ยุคโลหะ ทว่าการวิจัยถึงอันตรายจากการบริโภคกลูเตน ทำให้เรารับรู้ว่ามีมนุษย์บางกลุ่มที่มีปัญหาทางพันธุกรรม จะมีอาการ ‘แพ้กลูเตน’ คือเมื่อร่างกายได้รับกลูเตนเข้าไป จะเกิดการตอบสนองที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ที่รู้จักกันชื่อ‘โรคเซลิแอค’ (Celiac Disease) โรคที่สร้างความเสียหายในลำไส้เล็ก จนลำไส้ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆ ได้ และส่งผลให้ผู้ป่วยเกิดปัญหาในกระเพาะและลำไส้ อาทิ ท้องร่วงเรื้อรัง ท้องพอง/ท้องยื่น ดูดซึมอาหารไม่ดี ไม่อยากอาหาร
และโรคเซลิแอคนี้ นับเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่หากเกิดขึ้นในวัยเด็ก เพราะมันจะส่งผลให้เด็กเกิดความผิดปกติทางร่างกาย อย่าง มีพัฒนาการช้า มวลกระดูกน้อย กล้ามเนื้อลีบ ระบบประสาทเสียหาย และบ่อยครั้งทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง
ผลการศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ใน วารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน (The Journal of the American Medical Association – JAMA) เผยว่า ทีมวิจัยได้ใช้การศึกษาแบบ ‘สังเกตการณ์และคาดเดาในอนาคต’ ทำการทดสอบการบกพร่องทางภูมิต้านทานของโรคเซลิแอค ในกลุ่มเด็กชายและเด็กหญิงมากกว่า 6,700 คน ระยะเวลาตั้งแต่ 2-5 ขวบ โดยเน้นไปที่ตัวกระตุ้นสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานและโรคเซลิแอค ซึ่งผลการวิจัยพบว่า เกือบ 20% ของเด็กทั้งหมดแสดงอาการของโรคเซลิแอค โดย 7% ของเด็กเหล่านี้ มีการพัฒนาเชื้อโรคจนถึงจุดสูงสุด (peaking) ในช่วงอายุระหว่าง 2-3 ขวบ
นอกจากนี้ยังพบว่า ทุกๆ การบริโภคกลูเตนที่เพิ่มขึ้น 1 กรัมต่อวัน ทำให้เด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเซลิแอค มากกว่าวัยรุ่นถึง 34%‘จึงสรุปได้ว่า การได้รับกลูเตนในปริมาณที่สูงขึ้น ในช่วงห้าปีแรกของชีวิต มีความเกี่ยวข้องที่จะเพิ่มโอกาสการเกิดโรคเซลิแอค ในเด็กที่มีความบกพร่องทางพันธุกรรม’
สำหรับประเทศไทย มีสถิติการค้นพบโรคเซลิแอคเพียง 0.3% เท่านั้น และที่สำคัญ อาหารยอดนิยมในไทย ไม่ว่าจะเป็น เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน หรือขนมจากแป้งอื่นๆ ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว ซึ่งเป็นอาหารที่ปราศจากกลูเตนอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเลข 0.3% ก็นับว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกบวกขึ้นไปอีก เพราะโรคเซลิแอคมีความเสี่ยงที่จะถูกถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรมมากถึง 10%
งานวิจัยนี้เป็นหนึ่งในหลายผลการศึกษา ที่ส่งผลกระทบต่อการเลือกซื้ออาหารสำหรับเด็กของผู้ปกครอง และยังกระทบไปถึงผู้ประกอบการด้านอาหาร นม ขนมขบเคี้ยว ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นช่วงวัยเด็ก ให้หันมาใส่ใจและควบคุมการใช้กลูเตนมากยิ่งขึ้น ซึ่งในประเทศไทยก็เริ่มมีการผลิตอาหารที่ปราศจากกลูเตน (Gluten Free) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคเซลิแอคทั้งในเด็กและช่วงวัยอื่นๆ เหมือนอย่างแบรนด์ขนมขบเคี้ยวเพื่อคนทุกเพศทุกวัย “ไรซ์ บัดดี้” (Rise Buddy)
ไรซ์ บัดดี้ เป็นขนมขบเคี้ยว ‘กลูเตนฟรี’ ที่ใช้วัตถุดิบจากข้าวไทย 100% (100% Thai Rice) ไม่มีส่วนผสมของข้าวสาลี ข้าวโพด หรือโปรตีนอื่นๆ ที่มีกลูเตน ผลิตจากนวัตกรรมเฉพาะตัวในโรงงานของ ‘บริษัท ไวด์ เฟธ ฟู้ด จำกัด’ ที่ได้รับการรับรองด้าน Gluten Free และการรับรองเกรด AA จากสมาคมผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกแห่งสหราชอาณาจักร (The British Retail Consortium – BRC) ทำให้มีความพิเศษและโดดเด่นในเรื่องของความปลอดภัยต่อเด็ก รวมถึงคนทุกเพศทุกวัย
และนอกเหนือจากจุดเด่นด้านกลูเตนฟรีแล้ว ‘ไรซ์ บัดดี้’ ยังเพิ่มส่วนผสมความใส่ใจ เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค ด้วยการใช้กรรมวิธีการอบแทนการทอด ไม่ใส่ผงชูรส ปราศจากไขมันทรานส์ (Trans-Fat-Free) ใช้น้ำมันรำข้าวในปริมาณที่น้อยกว่า 10% พร้อมทั้งคลุกเคล้าความอร่อย ด้วยเครื่องปรุงรสที่คัดสรรจากวัตถุดิบธรรมชาติ จนได้ ‘กลูเตนฟรี-ไรซ์สแน็ค’ ที่ดีต่อสุขภาพ ที่มีความบางกว่า กรอบกว่า และอร่อยกว่าใครๆ
ก่อนจากกัน ขอฝากทิ้งท้ายว่าปัจจุบันโรคเซลิแอคยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด และหากสงสัยว่าคนใกล้ชิดหรือตัวเองมีอาการแพ้กลูเตน ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด รวมทั้งเลือกรับประทานอาหารที่ปราศจากกลูเตน (Gluten Free) อย่าง ‘ไรซ์ บัดดี้’
อีกทั้งในเดือนกันยายนนี้ ไรซ์ บัดดี้ ยังจัดโปรโมชั่นเอาใจคนรักสุขภาพอีกด้วย เพียงซื้อข้าวแผ่นอบกรอบ ‘ไรซ์ บัดดี้’ 2 ชิ้น แถมฟรี!! อีก 1 ชิ้น ทันที เริ่ม 1-25 กันยายน 2562 ที่ บิ๊กซี ทุกสาขา และตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน – 8 ตุลาคม 2562 ที่ ท็อปส์ ทุกสาขาทั่วประเทศ