บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ ปูนอินทรี ลุยปั้นพระเอกใหม่ “อินทรีเพชรพลัส” ปูนโครงสร้างที่ดีที่สุดจากอินทรี เกาะกระแสตลาดโลกเปลี่ยน ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกมาแรง เทเข้ากับแบบง่าย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คาดดันยอดขายอินทรีเพชรพลัส ปี 2563 เติบโตเกือบ 100%
ศิวะ มหาสันทนะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ ปูนอินทรี เปิดเผยว่า “จากแนวโน้มการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจคต์ของภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชน ส่งผลดีต่อการขยายตัวของตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562 คาดว่าภาพรวมตลาดปูนซีเมนต์จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 1-2%
ทั้งนี้ ปูนซีเมนต์นครหลวง ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์รายใหญ่ของประเทศ ได้วางกลยุทธ์กระตุ้นการเติบโตของบริษัทและตลาดรวมอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ ให้ความสำคัญกับ “อินทรีเพชรพลัส” ปูนโครงสร้างที่ดีที่สุดจากอินทรี เป็นผลิตภัณฑ์พระเอกของบริษัท โดยมีจุดแข็งคือ คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ควบคุมคุณภาพการผลิต เพิ่มคุณสมบัติต่างๆ ให้มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น เช่น ความไหลลื่น การรับกำลัง เป็นต้น เพื่อตอบสนองงานก่อสร้างต่างๆ ที่มีหัวใจสำคัญคือโครงสร้างในการก่อสร้าง
นอกจากนี้ ไฮไลท์ของปูนอินทรีเพชรพลัส ยังเป็นปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.) 2594-2556 รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับเทรนด์โลกในการตระหนักเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น โดยข้อมูลจาก CEMBUREAU (The European Cement Association) ระบุว่า ในสหภาพยุโรปมีการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก (ตามมาตรฐาน EN 197-1) มากกว่า 75% ของปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ทั้งหมด เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียมีปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกเพิ่มขึ้น อาทิ บังกลาเทศ อินโดนีเซีย และเวียดนาม (นครโฮจิมินห์: สะพานแขวน Phú Mỹ Bridge, อาคาร Sunrise City, อาคาร Vietcombank Tower, อาคาร Deutsches Haus)
ตลาดปูนซีเมนต์ ยังคงมีการแข่งขันสูง แต่ปูนอินทรี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด ให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม คุณภาพสูง ตอบสนองความต้องการตลาดอย่างต่อเนื่อง โดย อินทรีเพชรพลัส ถือเป็นผลิตภัณฑ์น้องใหม่ที่ทำตลาดมาประมาณ 1 ปีแล้ว มีจุดเด่นของการเป็นปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก สอดคล้องกับเทรนด์การใช้งานปูนซีเมนต์ดังกล่าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศตะวันตก สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น รวมถึงภูมิภาคอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียและเวียดนาม เนื่องจากคุณสมบัติของปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกนั้นเป็นปูนซีเมนต์ที่มีการปรับแต่งให้ตรงต่อการใช้งานของช่าง ขณะเดียวกันยังเป็นปูนซีเมนต์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะการผลิตปูนซีเมนต์ดังกล่าวมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงประมาณ 15%”
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของปูนอินทรีเพชรพลัส ยังคงเป็นลูกค้าที่มองหาปูนซีเมนต์คุณภาพ เพื่องานโครงสร้างรับแรงต่างๆ ทั้งงานคอนกรีตเล็กและใหญ่ งานหล่อบล็อก ฐานราก เสา คาน พื้น โดยช่างสามารถเทเข้ากับแบบต่างๆ ได้อย่างง่าย เอื้อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันด้วยผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานมอก.2594-2556 ยังเพิ่มโอกาสในการจับกลุ่มเป้าหมายภาครัฐที่มีการจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างกลุ่มปูนซีเมนต์ เพื่อใช้ในโครงการต่างๆ ด้วย
ศิวะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราเน้นจับกลุ่มเป้าหมายช่างก่อสร้าง ผู้รับเหมา แรงงานในภาคก่อสร้างต่างๆ ที่มองหาสินค้าที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น เนื่องจากปูนอินทรีเพชรพลัส ผสมง่าย ไหลลื่น เทเข้ากับแบบ ทั้งเสา คาน พื้นได้ง่าย และที่ขาดไม่ได้คือลูกค้าที่เป็นแฟนพันธุ์แท้มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์อินทรี รวมถึงลูกค้าใหม่ๆที่ต้องการมองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์งานก่อสร้างมากขึ้นและพร้อมจะเปลี่ยนใจหรือสวิทช์มาหาแบรนด์ใหม่ๆ เพราะคุณภาพของสินค้าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการตัดสินใจเลือกซื้อของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี
บริษัทได้ทุ่มงบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อทำตลาดปูนซีเมนต์ตลอดทั้งปี 2562 โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้าย ใช้งบประมาณเพิ่มอีก 10 ล้านบาท สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสินค้า และกระตุ้นการเติบโตของยอดขายให้เพิ่มขึ้น ส่วนสถิติการเติบโตที่ผ่านมา ปูนอินทรีเพชรพลัสสร้างปรากฎการณ์ยอดขายมากมาย อาทิ ทำตลาดเพียง 1 เดือน สร้างการเติบโตยอดขายสูงถึง 24% และ 3 เดือน หลังจากทำตลาดมียอดขายโตถึง 35% ขณะที่พื้นที่ภาคใต้ สร้างการเติบโตแรงต่อเนื่องทุกเดือน อาทิ เดือนสิงหาคม 2561 ยอดขายเติบโต 54% กันยายน 2561 เติบโตถึง 69% และตุลาคม 2561เติบโตถึง 75%
สำหรับภาพรวมตลาดปูนซีเมนต์ปีนี้ ตลาดมีความต้องการอยู่ที่ 30 ล้านตัน โดยครึ่งปีแรกตลาดมีการเติบโตประมาณ 1%
สอบข้อมูลผลิตภัณฑ์คุณภาพจากปูนอินทรี ได้ที่1732 หรือทางแฟนเพจ www.facebook.com/INSEEGroup