MACO แจ้งผลดำเนินงานไตรมาส3/2562 รายได้เติบโต 54%คิดเป็น748ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีก่อนรวมผลงาน 9 เดือนบริษัทมีพัฒนาการรายได้จากการบริหารงานตามกลยุทธ์ถึง 2,147ล้านบาทผลจากรายได้การบริการสื่อโฆษณาที่เพิ่มขึ้น68.9%คิดเป็นมูลค่า 415 ล้านบาท และรายได้การให้บริการงานด้านการให้บริการด้านระบบครบวงจร (System integration) เพิ่มขึ้น 38.7%คิดเป็นมูลค่า 333 ล้านบาท เมื่อเทียบจากปีก่อนโดย 9 เดือนบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้อยู่ที่ 122ล้านบาท
นายพุน ฉง กิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ผู้ครอบครองเครือข่ายสื่อโฆษณากลางแจ้งมากที่สุดในเมืองไทย เผยว่าไตรมาส 3/2562 บริษัทมีรายได้จากผลการดำเนินงาน แบ่งเป็นรายได้จากสื่อโฆษณาในประเทศ258 ล้านบาท จากการควบรวมงบการเงินครั้งแรกของธุรกิจให้บริการโฆษณาในต่างประเทศที่บริหารโดย VGI Global media (Malaysia)Sdn Bhd. (“VGM”) สร้างรายได้157 ล้านบาท และจากการรวมงบการเงินเต็มไตรมาสกับ ทรานส์ แอด กรุ๊ป ที่สร้างรายได้จากการให้บริการด้านระบบครบวงจรได้ถึง 333ล้าน จากผลดำเนินงานในต่างประเทศที่มีพัฒนาการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในตลาดมาเลเซียที่เริ่มมีกำไรสุทธิถึงจุดคุ้มทุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 2559รวมถึงการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการสื่อโฆษณาประเทศอินโดนีเซียที่เริ่มสร้างผลกำไรจากการดำเนินงานให้บริษัทด้วยเช่นกัน
“ก้าวต่อไปของ MACO คือมุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศสำหรับสินทรัพย์สื่อภายในประเทศทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (“PlanB”) ที่รับประกันส่วนแบ่งรายได้ขั้นต่ำให้กับ MACO ทำให้บริษัทสามารถรับรองผลการดำเนินงานให้มั่นคงได้อย่างต่อเนื่องทั้งนี้ ในการเข้าลงทุนใน บริษัท ฮัลโล บางกอก แอลอีดี จำกัด และการเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ แพลน บี จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สื่อกลางแจ้งทั้งหมดของบริษัทฯ พร้อมดันให้บริษัทฯ มุ่งเน้นไปสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มตัว
สำหรับโครงสร้างใหม่นี้ ธุรกิจในประเทศจะสามารถใช้ประโยชน์จากการเพิ่มกำลังการผลิตที่สูงสุดซึ่งนำไปสู่โอกาสที่จะพัฒนาอัตรากำไรของบริษัทฯ ให้เพิ่มมากขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพในขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าตลาดต่างประเทศจะเริ่มมีส่วนสำคัญในพอร์ตการขายอย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์นี้ต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2562 ในวันที่ 17 ธันวาคม 2562 นี้“ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวเพิ่มเติม