คุยกับ xCash สตาร์ทอัพพลิกโอกาส เปลี่ยนแต้มบัตร “ไร้ค่า” สู่เงินที่ใช้ได้จริง มิติใหม่รับสังคมไร้เงินสด


“คะเเนนสะสม” หรือ “เเต้มบัตร” ต่าง ๆ ที่เราใช้จ่ายกันทุกวันนี้คุณเคยนำไปเเลกเเล้วได้ของที่ถูกใจเเละใช้จนคุ้มหรือไม่ คำถามที่อาจทำให้หลายคน เจ็บจี๊ดในหัวใจ เพราะไม่เคยใช้เลย บางครั้งปล่อยให้หมดอายุ เเถมไม่รู้ว่าถ้ามีเเล้วจะนำไปใช้อะไรได้บ้าง หรือบางครั้งก็ต้องตัดใจเเลกใช้ไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

นี่คือปัญหาของเหล่าผู้บริโภคที่มีอยู่จริง เเต่ไม่ได้ตระหนักถึงมากนัก กลายเป็นช่องว่างให้โอกาสกับธุรกิจนวัตกรรมใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเเก้ไขสิ่งเหล่านี้ ดั่งตำราของชาวสตาร์ทอัพที่ว่า “หา Pain Point ให้เจอ แล้วคุณจะเป็นผู้ชนะ”

Positioning พูดคุยกับสตาร์ทอัพน้องใหม่ สัญชาติไทย อย่าง xCash ที่พลิกโอกาส ทำให้ “คะแนนสะสม” เหล่านี้เปลี่ยนเป็นเงินที่ใช้ได้ทั้งออนไลน์เเละออฟไลน์ สามารถใช้ในร้านค้าที่เราอยากกินหรือใช้ซื้อสินค้าที่เราอยากได้แทนเงินสดได้เลย

@จากแต้มบัตร “ไร้ค่า” สู่เงินที่ใช้ได้จริง

“ในแต่ละปีจะมีการแจกเเต้มบัตรเครดิตและบัตรต่างๆของทุกบริษัทรวมกันกว่า 6-7 หมื่นล้านคะเเนน คิดเป็นมูลค่าเงินก็ประมาณ 6-7 พันล้านบาท เเละถ้าทุกวันนี้เราสามารถรวมทุกคะเเนนไว้ด้วยกันและสามารถใช้แทนเงินได้ เเสดงว่าจะมีเม็ดเงินมหาศาลวิ่งเข้าสู่เศรษฐกิจไทย”

เปิดมาด้วยประเด็นที่น่าสนใจเเละฉายภาพให้เห็นโอกาสทองของธุรกิจเเนวใหม่จาก “คุณนนทิ ศัพทเสวี” ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท ดิจิต้าไลฟ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หัวเรือใหญ่นำทัพของแอปพลิเคชั่น xCash

คุณนนทิ ศัพทเสวี ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท ดิจิต้าไลฟ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

เขาเล่าย้อนไปถึงช่วงที่เริ่มคิดสร้างแอปพลิเคชั่นนี้ขึ้นมาว่า เขาเเละทีมงานมานั่งคุยกันเเล้วเกิดไอเดียตั้งต้นจาก “user pain” ที่ทุกวันนี้ทุกคนที่ถือบัตรเครดิต ใช้จ่ายทุกวันมีแต้มสะสม เเต่เราได้ใช้ประโยชน์จากมันหรือไม่ เพราะไม่รู้เอาไปใช้อะไร บางครั้งโปรโมชั่นที่มีให้เเลกก็ไม่ตอบโจทย์ในสิ่งที่อยากได้ เเละไม่ต้องการใช้ในชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกว่าคะเเนนหรือเเต้มบัตรเครดิตนั้น “ไร้ค่า” เพราะบางคนเเทบจะไม่ได้ใช้เลยก็มี จึงฉุกคิดขึ้นมาว่าเราจะนำ Pain point ปัญหาของลูกค้าเหล่านี้มาเเก้ไขได้อย่างไรบ้าง

“เราจึงสร้าง xCash ให้เป็นระบบ opened loop privilege และสามารถเป็น point payment ได้ ด้วยเเนวคิดที่ว่าหากสามารถรวมเเต้มสะสมทั้งหมด เเล้วเปลี่ยนให้เเต้ม เหล่านี้กลายเป็นเงินที่ใช้ได้จริง ๆ ได้ทั้งออนไลน์เเละออฟไลน์ ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับคนทุกคน xCash คือ Extra Cash ของผู้บริโภค”

@เจาะทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้าปีหน้าเพิ่มร้านค้า 2,000 ร้านค้า

หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ผ่านมาถึงวันนี้ราว 7 เดือนกว่า ได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดดาวน์โหลดเเอปพลิเคชั่นกว่า 3 เเสนราย เเละเเอคทีฟใช้งานประจำอยู่ประมาณ 50%

“ช่วงเปิดตัวมีร้านค้าพันธมิตรที่มาร่วมกับเรา 100 กว่าราย ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 300 ราย เเละถ้ามองในมุมสาขาก็มีทั้งหมดกว่า 1,000 สาขา โดยร้านส่วนใหญ่ตอนนี้ยังกระจายอยู่ในกรุงเทพ เเละหากร้านไหนมีสาขาในต่างจังหวัดเราก็สามารถใช้ได้ด้วย นอกจากร้านค้าออฟไลน์และออนไลน์ที่เป็นพันธมิตรเเล้ว ในเเอปฯ ยังมี e-Voucher ให้ลูกค้าสามารถเอาเเต้มมาเเลกได้อย่างหลากหลาย และสามารถเอาไปใช้เป็นส่วนลดแทนเงินสดที่ร้านค้าได้เลย”

คุณนนทิ อธิบายเพิ่มว่า ในจำนวน 300 รายนี้มีการกระจายให้ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ของผู้คนให้มากที่สุด โดยตอนนี้มีหมวดอาหารเเละเครื่องดื่มเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด รองลงมาเป็นหมวดความสวยความงาม ไอที แก็ดเจ็ต ดูเเลรถยนต์ เเละอื่นๆ อีกหลากหลายกลุ่ม

“เเม้ตอนนี้ 80% ยังอยู่ในกรุงเทพ เเต่ปีหน้าเราจะเริ่มเจาะหัวเมืองใหญ่ เเละกระจายไปยังต่างจังหวัดให้ครอบคลุมด้วย เราต้องการให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากเเต้มให้มากที่สุด พร้อมช่วยให้ร้านค้าพันธมิตรมีรายได้จากการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ามากขึ้น ลูกค้าสามารถ เสิร์ชหาร้านค้าที่อยู่ใกล้ลูกค้าผ่าน ฟังก์ชั่น nearby ในแอปได้เลย”

โดยปัจจุบัน xCash เป็นพันธมิตรกับร้านค้า ตั้งแต่คอร์เปอเรทใหญ่ไปยัน SMEs รายย่อย ร้านค้าในห้างสรรพสินค้าจนถึงร้านเล็ก Stand Alone ยกตัวอย่างเช่น iStudio by Copperwired , TrueCoffee , เพลินวาน พาณิชย์ เเละร้านอาหารต่าง ๆ มากมาย เเละช่วงเดือน ธ.ค.นี้จะร่วมกับ TG FONE เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้สมาร์ทโฟนระบบแอนดรอยด์ด้วย

“พันธมิตรในส่วนของร้านค้าที่ร่วมรายการปีหน้าเราตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 ร้านค้า โดยเราจะเข้าไปช่วยในเรื่องการโปรโมท ทำเเคมเปญโปรโมชั่นเเละทำการตลาดด้วย และต้นปีหน้าเราจะเพิ่มฟังก์ชั่น AliPay กับWechat Pay ให้ร้านค้าด้วยเพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนสามารถซื้อสินค้าและบริการที่ร้านพันธมิตรของ xCashได้เลย”

@ย้ำอีกที xCash ไม่ใช่ e-Wallet

ในยุคโลกดิจิตัลที่กำลังเป็นเทรนด์ตอนนี้ คนไทยมี e-Wallet กันเยอะมากขึ้น ด้วยความสะดวกสามารถจ่ายเงินทันทีบนสมาร์ทโฟน เป็นที่นิยมของคนยุคใหม่ จึงกลายเป็นว่าเมื่อมีเเอปพลิเคชั่นใหม่ที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายออกมา เราก็มักเหมารวมไปว่าเป็น e-Wallet เเน่ ๆ เเต่ทว่าต้องขอย้ำอีกทีว่า xCash นั้น…ไม่ใช่

“เรื่องสำคัญเลยคือ xCash เราไม่ใช่ e-Wallet จึงเกิดความยากในช่วงตอนเปิดตัวธุรกิจจนถึงวันนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่เข้าใจว่าเราคือ e-Wallet เเต่สิ่งที่เราทำจริง ๆ คือเเอปพลิเคชั่นที่รวบรวมเเต้มเเละคะเเนนของบัตรเครดิตและบัตรต่างๆทั้งหมดมาไว้ที่เดียวเเละทำให้เเต้มนั้นเป็นเงินที่นำไปซื้อสินค้าเเละบริการได้จริงตามร้านค้าที่ร่วมรายการ โดย 1 xCashPoint มีค่าเท่ากับ 1 บาท ที่ลูกค้าสามารถนำไปกิน ช้อปเเละเที่ยวได้ เเละทุกครั้งที่ใช้จ่ายยังจะได้ cashback กลับมาด้วย”

“รวมเเต้ม เปลี่ยนเป็นเงินเเละทุกครั้งที่ใช้ได้ cashback คืนกลับมา” นี่คือหลักง่ายๆ ของ xCash

สำหรับขั้นตอนการใช้เเอปพลิเคชั่น xCash ก็นับว่าใช้งานง่ายมาก เพราะคล้ายๆ การใช้พร้อมเพย์ เพียงเเค่เปิดเเอปฯ ขึ้นมาเเละสเเกนคิวอาร์โค้ด เเละกรอกข้อมูล โดยลูกค้าจะสามารถ Burn และ Earn เเต้มไปพร้อมกันเลย

“เมื่อเเต้มของพวกเขาอยู่ที่บัตรเครดิต เขาโอนให้กันไม่ได้เเละบางบัตรมีวันหมดอายุ เเละที่สำคัญคือมีเเต้มเเต่ไม่รู้จะใช้อย่างไร เราต้องการปิดช่องว่างตรงนี้ ให้สามารถโอนเเต้ม xCash ให้ใครก็ได้ เเละไม่มีวันหมดอายุสามารถใช้กับร้านค้าออนไลน์เเละออฟไลน์ได้จริง”

“เราทำให้การใช้จ่ายมันยืดหยุ่น ถ้าลูกค้ามีเเต้มจะจ่ายเป็นเเต้มทั้งหมดก็ได้หรือผูกบัตรเครดิตหรือเดบิตในเเอปฯ จ่ายผสมกันได้ เเละมากกว่านั้นคือจ่ายผสมกับเงินสดหน้าร้านเลยก็ได้ นี่คือ Flexible payment จริงๆ”

@มิติใหม่…นำแต้มบัตรไปลงทุนได้

“ในปี 2020 เราตั้งใจจะเพิ่มผู้ดาวน์โหลดเเอปฯ ให้ได้ 1 ล้านคนซึ่งไม่น่าจะเกินความคาดหมายเพราะเดือนที่ผ่านมา xCash มีการเติบโตถึง 120% คนเริ่มรู้จักและเข้าใจคอนเซปเรามากขึ้น และเรายังมี Product Roadmap อีกหลายอย่าง”

สำหรับกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้านั้น คุณนนทิกล่าวว่า นอกจากบัตรเครดิตแล้ว เรามีการร่วมมือกับ The 1 และยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่เรื่อย ๆ ในการรวมแต้มเข้ามาในระบบ xCash เเละในปีหน้าจะขยายพันธมิตรให้ได้มากที่สุดทั้ง “ธนาคารเเละที่ไม่ใช่ธนาคาร” โดยกำลังคุยกับธุรกิจการบิน กลุ่มบริษัทประกัน เเละบัตรของห้างค้าปลีกอื่น ๆ

“มากไปกว่านั้น เราจะมีเเผนขยายให้สามารถใช้แต้มไปลงทุนได้ เช่น ไปซื้อหุ้น กองทุนหรือทองได้ เปลี่ยนคะเเนนของบัตรที่เคยไม่มีค่า มาเป็นการการลงทุน ได้เงินงอกเงยไปอีกหลายเด้ง ”

ทุกวันนี้ในไทยมีบัตรเครดิตราว 23 ล้านใบ มีคนใช้ 10 ล้านคน (หนึ่งคนถือหลายใบ) คือกลุ่มลุกค้าเป้าหมายหลักของเรา เพราะหากเราร่วมมือกับบริษัทเจ้าของบัตรใดก็ตามได้ ลูกค้าเหล่านั้นก็คือลูกค้าเป้าหมายของเรา ซึ่งปัจจุบันเราร่วมกับธนาคารชั้นนำเเล้วถึง 8 ธนาคาร

สำหรับช่วงวัยของผู้ใช้ส่วนใหญ่ของ xCash นั้น มีตั้งเเต่วัยเรียนมหาวิทยาลัยไปจนถึงวัยทำงานตอนต้น สัดส่วนเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายนิดหน่อย อาจเป็นเพราะเรื่องสิทธิประโยชน์ที่ผู้หญิงจะสนใจมากกว่า

และ TOP 3 สินค้าที่คนชอบใช้แต้มแลกมากที่สุดอันดับ 1 ต้องยกให้หมวดไอที แก็ดเจ็ต อย่างไอโฟน 11 ที่เพิ่งเปิดตัว และสร้างกระแสให้ xCash อย่างมาก ซึ่งถือว่าเป็นการเเลกของไซส์ใหญ่ ขณะที่อันดับ 1 ของฝั่งของไซส์เล็กต้องให้เครื่องดื่มประเภท “กาแฟ” เพราะมีการแลกซื้อทุกวัน

@กางแผนขยายต่างประเทศ ตีตลาดจีน-อินเดีย

เมื่อตลาดในไทยได้ผล สตาร์ทอัพไฟแรงอย่าง xCash ก็ถึงเวลาวางเเผนออกนอกประเทศ “เราเริ่มวางธุรกิจให้โตไปไกลกว่าเมืองไทย เเละโฟกัสไปที่จีน-อินเดีย เนื่องจาก 2 ประเทศนี้เป็นสังคมไร้เงินสดเเล้ว เเต่ยังเป็นเรื่องของ e-Wallet กับ Payment ที่น่าจะมี Pain point เรื่องแต้มคล้ายกับประเทศไทย โดยตอนนี้เรากำลังศึกษาเรื่องมูลค่าตลาดแต้มอยู่ ส่วนของจีน ก็มีการคุยกับสตาร์ทอัพที่ทำเเอปฯ แลกคะแนนเหมือนกัน ว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนนำเเต้มที่เขามีในเมืองจีนมาใช้ที่ไทยได้อย่างไร เหมือนช่วยนำเงินเข้าประเทศไทย” และอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งของ xCash นั่นคือการประสานกับธนาคารว่าหากนักท่องเที่ยวชาวไทยไปใช้ xCash ที่ต่างประเทศจะทำได้หรือไม่ และทำอย่างไร ขณะที่ในอาเซียนนั้น คุณนนทิบอกว่ากำลังอยู่ในช่วงดูตลาด เเต่ด้วยตลาดอาเซียนยังไม่ไปถึงจุด Cashless Society จึงจะเอาไทยเป็นศูนย์กลางก่อน เเละค่อยขยายในอนาคต

@หวังพัฒนาเป็นเงินดิจิทัล รับอนาคตสังคมไร้เงินสด

หลังจากทำงานในวงการนี้มาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่ามาก่อนยุค Digital Transformation ในไทย “คุณนนทิ ศัพทเสวี” เคยทำมาตั้งเเต่ โมบายเเบงก์กิ้ง e-Wallet เเละทำระบบ Payment มากว่า 10 ปี

เขามองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในมุมมองของคนทำ “ฟินเทค” ว่าวันนี้ทุกคนยอมรับกับการใช้มือถือในการจ่ายเงินมากขึ้น เเต่เมื่อเทียบกับจีน เราอาจช้ากว่าเขาราว 5 ปี เเต่คนไทยมีความเข้าใจเร็ว เริ่มใช้ พร้อมเพย์เเละโมบายเเบงก์กิ้งเเพร่หลายเเล้ว เเละทุกคนเริ่มช้อปปิ้งกับอี-คอมเมิร์ซเเล้ว ตลาด mobile financial services จะมีการแข่งขันกันดุเดือดมากขึ้นแน่นอน

“เราทำงานอยู่คอร์ปอเรทใหญ่มานาน แต่ตอนนี้เราเป็นสตาร์ทอัพ เป็นความท้าทายทั้งเรื่องการบริหารทีม ให้มีพลังใจเเละเเนวคิดไปทางเดียวกัน กับเทรนด์โลกที่มาใหม่ตลอด”

เมื่อเขาได้รับการทาบทามจาก คุณวิฑิต อาภาพาส ประธานผู้อำนวยการ บริษัท ดิจิต้าไลฟ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บอกว่ามีโปรเจ็กต์ใหม่เกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์ม เเละได้มาคุยกันกับทีมเรื่องการเเก้ปัญหาเเต้มบัตรเครดิต ก็เห็นว่ามันเป็น pain point จริงๆ xCash ยังมีช่องว่างที่ทำได้อีกเยอะ จึงตัดสินใจกระโดดเข้ามาในสังเวียนนี้ โดยการบริหารแอปพลิเคชั่น xCash มีการวางเป้าหมาย 10 ปีข้างหน้าที่จะพัฒนาเป็น Crypto Currency เงินดิจิทัลที่มีการใช้อย่างเเพร่หลายในสังคมไร้เงินสดในอนาคต เเต่ตอนนี้ยังเป็นเเค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น

@ก้าวต่อไปจะเป็นมากกว่าจุดรวมพอยต์ กับ “แต้มความดี”

“ถ้าคิดเป็นธุรกิจเราต้องทำให้มีกำไร เเต่อีกส่วนด้วยวิสัยทัศน์ผู้บริหารเราต้องการทำอะไรที่ช่วยเหลือสังคมหมู่มาก”

ผู้บริหาร xCash เล่าถึงความตั้งใจต่อไป หลังจากสามารถทำเเต้มให้เป็นเงินได้เเล้ว สเต็ปต่อไปนั่นคือ “นำเเต้มไปช่วยสังคมได้” โดยตอนนี้ได้ร่วมมือกับ 14 มูลนิธิ เป็นเหมือน “สะพานบุญ” ที่ให้คนที่ไม่ได้ใช้เเต้มเพื่อ เเลกสินค้าให้นำไปทำบุญได้

” อีกเป้าหมายนึงของ xCash คือเราเตรียมเป็น “เเต้มความดี” ในวันหนึ่งถ้าบอกว่าการทำความดีมันมีค่า เช่นถ้าช่วยเก็บขยะหรืออ่านหนังสือให้คนพิการ เราพร้อมจะเเจกเเต้มนี้ให้คุณ เเละพอได้เเต้มก็สามารถเอาเเต้มนี้ไปซื้อข้าว จ่ายค่าเช่าบ้าน หรือจ่ายค่าเล่าเรียนได้ คนทุกคนสามารถมีเงินออมได้จากการทำความดี เเทนที่จะไปหาเงินผิดกฎหมาย อย่างไปจี้ปล้นหรือขโมยของ เเต่จะได้ทำมาหากินในสิ่งที่ดี นี่คือสิ่งที่เรามองระยะยาวกับการพัฒนาสังคมและเยาวชน”