หลังจากวิกฤตไข้หวัดหมู (ASF) ของจีน ที่คร่าชีวิตหมูและทำให้ราคาเนื้อหมูพุ่งสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกษตรกรหลายรายหันมาเลี้ยงสัตว์ปีกแทน แต่ไก่หลายล้านตัวอาจตายในไม่ช้าในไม่กี่วันข้างหน้า เนื่องจากอาหารที่ต้องการมากไม่สามารถไปทันเวลา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนผลิตเนื้อสัตว์ปีก 22 ล้านตันในปี 2562 เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนเนื้อหมู ขณะที่ปีนี้ จีนกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่ เนื่องจากเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ส่งผลให้โรงงานในหลายจังหวัดของจีนปิดลง อีกทั้งยังได้ปิดถนน ทางหลวงและหยุดรถโดยสารทางไกลเพื่อระงับการระบาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชน ทำให้ไม่มีอาหารสัตว์ที่จำเป็น เช่น ถั่วเหลืองถูกส่งไปยังฟาร์มสัตว์ปีก
สมาคมสัตว์ปีกของหูเป่ย เขียนจดหมายถึงสมาคมเกษตรสัตว์แห่งชาติของจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่า “การขนส่งเป็นอัมพาตและฟาร์มขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ล้วนประสบปัญหาการขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง ในไม่ช้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน พร้อมขอให้สมาคมเกษตรสัตว์จีนขอให้ผู้ผลิตอาหารส่งข้าวโพด 18,000 ตันและกากถั่วเหลือง 12,000 ตันไปยังหูเป่ย”
ไม่ใช่แค่ผลกระทบจากการขนส่งเท่านั้น แต่แนวโน้มของสัตว์ปีกของจีนอาจได้รับผลกระทบมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่รายงานว่ามีการระบาดของไข้หวัดนก H5N1 ในมณฑลหูหนานเมื่อวันเสาร์ บริการข่าวแจ้งว่าต้องมีการฆ่าสัตว์ปีกมากกว่า 17,000 ตัวหลังจากการระบาด
“ในหลายภูมิภาคปัญหาการขนส่งกำลังส่งผลกระทบกับภาคการผลิต และไม่ใช่แค่กระทบแค่ไตรมาส 1 แต่จะส่งผล กระทบต่อยอดขายในไตรมาสที่ 2” เฉินจุน แพน นักวิเคราะห์อาวุโส รับเบอร์แบงก์ กล่าว
จากรายงานของ Global Times ของรัฐบาลจีนระบุว่ามีไก่อยู่ประมาณ 348 ล้านตัวในมณฑลหูเป่ยซึ่งเป็นจังหวัดที่ผลิตสัตว์ปีกที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ในประเทศจีน หูเป่ยยังเป็นผู้ผลิตไข่รายสำคัญ