บมจ.ปิโก (ไทยแลนด์) แจงผลประกอบการปี 2562 บริษัทฟอร์มดีทำอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 24% พร้อมสภาพคล่องสูงขยับมาอยู่ที่ 2.0 เท่า โดยประกาศจ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น ตั้งเป้าขับเคลื่อนธุรกิจปี 2563 ด้วยกลยุทธ์ Drive Change ระดมนวัตกรรมใหม่ๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้ลูกค้าในยุค Disruption
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO หนึ่งในผู้นำด้านการสื่อสารและการจัดกิจกรรมทางการตลาดแบบสร้างประสบการณ์ใหม่ เปิดเผยผลประกอบการของปี 2562 (สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2562) ว่า จากสถานการณ์สงครามการค้าและ สภาพเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย และการดำเนินธุรกิจของบริษัท ทำให้รายได้จากการให้บริการของบริษัทในปี 2562 อยู่ที่ 1,536 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับปี 2561 ซึ่งมีรายได้ 2,020 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 52 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 74 ล้านบาท
“อย่างไรก็ตาม จากความสามารถในการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20 ในปี 2561 มาเป็นร้อยละ 24 ในปี 2562 อีกทั้งฐานะการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งและมีสภาพคล่องสูง มีอัตราส่วนสภาพคล่อง 2.0 เท่า เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 1.7 เท่า โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น”
ทั้งนี้ปีที่ผ่านมา บมจ. (ไทยแลนด์) มีโครงการที่โดดเด่น เช่น การบริหารงานออกแบบนิทรรรศการและกิจกรรมในงาน Digital Thailand Big Bang 2019, งาน Startup Thailand 2019, งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35, งานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 รวมถึงการจัดมหกรรมทางการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู หรือ EDUCA อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 13 และการสร้างสรรค์นิทรรศการถาวรในพิพิธภัณฑ์พระรามเก้า แหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
สำหรับแผนงานของปี 2563 เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดตั้งโครงการศูนย์ปฏิบัติการศิลปกรรมดิจิทัล (FAAMAI Digital Arts Hub) ศูนย์กลางการศึกษา การเรียนรู้ และทดลองด้านศิลปกรรมดิจิทัลครั้งแรกในประเทศไทยและเอเชีย เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านศิลปกรรมดิจิทัลให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งผลิตบุคลากรที่มีศักยภาพด้านนี้ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย และป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
“ปี 2563 ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย เพราะได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากวิกฤตการณ์ต่างๆ และระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่ง บมจ.ปิโก (ไทยแลนด์) เห็นถึงความเสี่ยงและโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงเดินหน้าธุรกิจด้วยกลยุทธ์ Drive Change อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารที่ทรงพลัง นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ มาบูรณาการในการสร้างสรรค์บริการรูปแบบใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้และความสำเร็จที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าและบริษัทไปพร้อมกัน” นายศีลชัย กล่าว