เมื่อมีการถกกันถึงโรคภัยไข้เจ็บที่ร้ายแรงบ่อยครั้งที่มักได้ยินคำถามว่า “ถ้ารู้อย่างนี้ ก่อนหน้านี้สัก 20 ปี หรือมากกว่า วันนี้คงไม่เจ็บป่วยเหมือนในวันนี้ นั่นคือสาเหตุที่รู้สึกเสียดายว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวไปไม่ไกลพอที่จะทำนายอนาคตได้
แต่วันนี้ นวัตกรรมทางการแพทย์กำลังจะเปลี่ยนไป การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถแจ้งเตือนผู้ป่วยล่วงหน้าเป็นรายบุคคลว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดเมื่อสูงวัยขึ้น นวัตกรรมนี้ทำนายได้ล่วงหน้าตั้งแต่วัยเด็กเลยทีเดียว
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผู้นำการบริบาลสุขภาพระดับโลก ผนึกกำลังร่วมกับศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ได้ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันที่ทวีความสำคัญมากขึ้นในโลกยุคปัจจุบันและในอนาคต โดยได้เข้ามาเสริมกำลังในฐานะศูนย์สุขภาพแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองว่าให้บริการดูแลส่งเสริมสุขภาพแบบครบวงจรโดยเน้นที่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยการวินิจฉัยความเสี่ยงของการเกิดโรคจากพันธุกรรมเป็นรายบุคคล เพื่อให้ผู้รับบริการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพเพื่อป้องกันโรคได้อย่างทันท่วงที
รหัสทางพันธุกรรมดังกล่าวคือความลับของกรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิกหรือดีเอ็นเอที่รู้จักกันดี ดีเอ็นเอเป็นรหัสทางพันธุกรรมที่กำหนดลักษณะเฉพาะบุคคลจากภายนอกเช่นรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ สีผมและสีตา ไปจนถึงสามารถบ่งบอกความเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางพันธุกรรมบางอย่างได้
ดีเอ็นเอเป็นตัวกำหนดการใช้และการเผาผลาญน้ำตาล ไขมัน และสารอาหารอื่น ๆ รวมถึงการที่ร่างกายตอบสนองต่อการออกกำลังกายและยา รหัสทางพันธุกรรมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่สามารถป้องกันโรคเชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเฉพาะอย่างและส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงในระยะยาว ขณะที่รหัสพันธุกรรมของแต่ละบุคคลช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ การกำหนดตารางการออกกำลังกาย และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เหมาะสม
ดร. เทอร์รี่ กรอสแมน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์นานาชาติ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์กล่าวว่า “ไวทัลไลฟ์กำลังเข้าสู่ยุคของการดูแลสุขภาพเป็นรายบุคคล การตรวจความผิดปกติของดีเอ็นเอช่วยระบุความเสี่ยงของอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น ภาวะกระดูกพรุนโรคอ้วน ภูมิแพ้อาหารแฝง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความสามารถของพันธุกรรมในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย โดยแนวทางการรักษาและคำแนะนำการปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันที่ได้จากผลการตรวจความผิดปกติของดีเอ็นเอนั้น ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่ตนเองมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นได้”
ไวทัลไลฟ์ให้บริการตรวจวิเคราะห์พันธุกรรม เพื่อระบุความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและสาเหตุของการเกิดโรคดังกล่าว ได้แก่ อาการแพ้น้ำตาลแล็กโทสและกลูเตน ภาวะขาดวิตามินดี โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคอ้วน การใช้ฮอร์โมนทดแทน การกำจัดสารพิษ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคเกี่ยวกับสมอง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคกระดูก (ภาวะกระดูกพรุน)ซึ่งในกรณีถ้าตรวจพบความเสี่ยงต่อโรค บุคลากรทางการแพทย์จะมุ่งเป้าไปที่รหัสพันธุกรรมดังกล่าว และเริ่มปฏิบัติการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและเฝ้าระวังอย่างสูงสุดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้รับบริการยกตัวอย่าง โรคอัลไซเมอร์มักเกิดในผู้สูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป และถือเป็นร้อยละ 60ของภาวะสมองเสื่อมทั่วโลก อย่างไรก็ตาม อาการเริ่มต้นสามารถตรวจพบได้นานถึง 8 ปี ก่อนการวินิจฉัยว่าเป็นอัลไซเมอร์ และสุขภาพสมองที่ดียังเป็นปัจจัยสำคัญของคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัย ทำให้มีสมาธิจดจ่อ สื่อสารได้ ตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และอื่น ๆ อีกมากมาย
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโรคอัลไซเมอร์เกิดจากหลายสาเหตุรวมกัน ได้แก่ พันธุกรรม การดำเนินชีวิต และสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสมองในระยะยาวโรคอัลไซเมอร์นั้น มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า โรคเบาหวานชนิดที่ 3 เนื่องจากมีการค้นพบล่าสุดว่า การบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้ถึงร้อยละ 89 ในขณะที่อาหารที่มีไขมันสูงนั้นช่วยลดความเสี่ยงได้ถึงร้อยละ 44 สมองมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเมื่อระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดสูงขึ้น
ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ สามารถตรวจพบการแปรผันทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ โดยการแปรผันทางพันธุกรรมทำให้ความเสี่ยงของการเกิดโรคแตกต่างกัน การแปรผันบางกลุ่มทำให้ความเสี่ยงของการเกิดโรคเพิ่มขึ้นถึง 15 เท่า ในขณะที่บางครั้งก็สามารถลดความเสี่ยงลงถึงร้อยละ 30ในขณะที่ภาวะสมองล้า จะเป็นอาการทางสมองที่พบได้บ่อยในทุกช่วงอายุของประชากร โดยมีสาเหตุมาจากการนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด ภาวะฮอร์โมนและสารอาหารไม่สมดุล โลหะหนักในร่างกาย และแบคทีเรียในทางเดินอาหาร เป็นต้น
นพ.เขษม์ชัย เสือวรรณศรี แพทย์ผู้ชำนาญการด้านประสาทวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ เปรียบเทียบอาการของภาวะสมองล้า ว่าเหมือนมีหมอกปกคลุมการทำงานของสมอง ทำให้ไม่มีสมาธิ มีกระบวนการคิดช้าลง และหลงลืมง่าย นอกจากนี้ ยังพบว่าจิตใจมีความเหนื่อยล้า เปลี่ยนใจง่าย และพบภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยสาเหตุที่พบบ่อยของภาวะสมองล้าคือการดำเนินชีวิต ได้แก่ การนอนหลับไม่เพียงพอ ความเครียด ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ และการขาดการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ภาวะขาดน้ำ โรคเรื้อรัง อาการทางจิตเวช เช่น ภาวะซึมเศร้า ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล และยาบางชนิด อาจมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะสมองล้า
อย่างไรก็ตาม ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ทำให้สามารถป้องกันภาวะสมองล้าที่สาเหตุได้ การค้นพบสาเหตุที่แท้จริงถือเป็นหัวใจสำคัญของการรักษา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตร่วมกับเทคโนโลยีทางการแพทย์ ช่วยให้การรักษาภาวะสมองล้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ป่วย โปรแกรมเสริมสร้างการทำงานของสมองที่ไวทัลไลฟ์จะวิเคราะห์ข้อมูลการได้รับโลหะหนักที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองและทำให้เกิดภาวะสมองล้าได้ ซึ่งการวิเคราะห์ดังกล่าวเป็นนวัตกรรมเฉพาะของไวทัลไลฟ์ที่ไม่มีในโปรแกรมการตรวจสุขภาพสมองทั่วไป ดร. เทอร์รี่ กรอสแมน กล่าวเสริมว่า “ไวทัลไลฟ์นำเสนอโปรแกรมดูแลสุขภาพสมองใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า เพิ่มพลังสมองสูตร 4 (Brian Refreshing Formula IV) เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองทุกสองสัปดาห์หรือทุกเดือน”
การทำงานของระบบทางเดินอาหารและระบบย่อยอาหารเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ซึ่งมักจะประหลาดใจเมื่อทราบว่ามีแบคทีเรียจำนวนถึง 39 ล้านล้านตัวในทางเดินอาหารของมนุษย์ มากกว่า 30 ล้านล้านตัวที่พบในร่างกายทั้งหมดเสียอีกแบคทีเรียเหล่านี้ เมื่อรวมกับราและไวรัส เรียกว่า “ไมโครไบโอม” (microbiome) หรือชุมชนจุลชีพ จุลชีพเหล่านี้มีหน้าที่สำคัญหลายอย่างและส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อสุขภาพของมนุษย์ เช่น แบคทีเรียในร่างกายคนผอมจะแตกต่างจากผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ดังนั้น การถ่ายโอนแบคทีเรียจากคนผอมไปยังผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะช่วยให้ลดน้ำหนักได้ ในปัจจุบัน วงการแพทย์กำลังศึกษาว่าไมโครไบโอมในทางเดินอาหารส่งผลกระทบต่อสุขภาพในทางใดบ้าง
ในการประเมินสุขภาพ ดร. เทอร์รี่ กรอสแมน กล่าวว่า “กฎทองก็คือ สุขภาพโดยรวมของคนเราขึ้นอยู่กับอวัยวะที่เจ็บป่วยหนักที่สุด ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกล่าวว่ามีสุขภาพแข็งแรงถ้ามีอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใดเจ็บป่วย ไวทัลไลฟ์จึงมุ่งเน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อบำรุงรักษาอวัยวะในร่างกาย และทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นโดยรวม”
การรักษาแบบดั้งเดิมในแพทย์แผนปัจจุบันคือการรักษาโรค ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพยุคใหม่ตามแนวทางของไวทัลไลฟ์มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อให้ผู้คนมีอายุยืนยาวขึ้น และใช้ชีวิตในช่วงครึ่งหลังอย่างมีสุขภาพดีเหมือนคราวที่ยังเยาว์วัย ฉะนั้นการป้องกันโรคเชิงรุก โดยการวางกลยุทธ์เพื่อป้องกันการเกิดโรค และการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น จึงเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้มีอายุยืนยาว สุขภาพดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
คุณธานี มณีนุตร์ ผู้อำนวยการฝ่ายการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ผนึกกำลังพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพรายบุคคลที่ผสมผสานเวชศาสตร์การรักษาโรคและและการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยขณะนี้ มีโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพสมอง ทางเดินอาหาร ระบบสืบพันธุ์ การตรวจพันธุกรรม เวชศาสตร์ชะลอวัยและการฟื้นฟูสุขภาพ เป็นต้น โดยได้มีการรวบรวมข้อมูลและอัพเดทเทรนด์การดูแลสุขภาพล่าสุด ในการประชุมสำนักงานตัวแทนนานาชาติกว่า 60 ประเทศทั่วโลกของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่กรุงเทพฯทั้งนี้เพื่อรักษามาตรฐานความเป็นผู้นำการบริบาลสุขภาพระดับโลก ซึ่งไวทัลไลฟ์ได้ยกระดับความเป็นผู้นำการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากว่า 18 ปี โดยการเสริมทัพผู้เชี่ยวชาญทางเวชศาสตร์การชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพจากนานาชาติที่พร้อมให้บริการที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในระดับเวิลด์คลาส”
“ไวทัลไลฟ์คือศูนย์รวมของผู้นำความคิดในระดับโลก ซึ่งได้มุ่งมั่นพัฒนาความรู้เชิงเวชศาสตร์อย่างไม่หยุดยั้ง” ดร. เทอร์รี่ กรอสแมน กล่าวสรุป “ผู้รับบริการไว้วางใจในศักยภาพของแพทย์และประสิทธิภาพในการรักษาที่ได้รับการพิสูจน์มายาวนานต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาบำรุงราษฎร์มุ่งสื่อสารประเด็นซับซ้อนทางการแพทย์ให้เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายและปฏิบัติตามได้สำหรับผู้รับบริการ โดยการให้คำปรึกษาที่ชัดเจนเพื่อให้ผู้รับบริการมีข้อมูลในทุกแง่มุมเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด”