ในยุคที่ทุกอย่างเร่งรีบ ครอบครัวคนรุ่นใหม่เเทบจะไม่มีเวลา “ทำอาหาร” ให้ลูกด้วยตนเอง ด้วยภาระหน้าที่การงานที่รัดตัว การใช้ชีวิตในสังคมเมืองที่เปลี่ยนเเปลงไป เเต่ยังดีที่มีนวัตกรรมใหม่ มาช่วยเเบ่งเบาได้เสมอจุดเริ่มต้นของ Peachy (พีชชี่) สตาร์ทอัพผู้บุกเบิกตลาด “อาหารเสริมพร้อมทาน” เจ้าเเรกในไทย มีที่มาน่าสนใจอย่างมาก…จากความเป็นพ่อเเม่มือใหม่ที่ต้องทำงานประจำกันทั้งสองคน เเม้อยากจะทำอาหารให้ลูกทานเอง “ทั้งหมด” มากเเค่ไหน เเต่ด้วยข้อจำกัดชีวิต จึงไม่สามารถทำได้ พวกเขาจึงต้องหา “ทางเลือก” เป็นอาหารเสริมพร้อมทานสำหรับเด็ก
เเต่ทว่า เมื่อไปหาซื้อตามห้างร้านเเละซูเปอร์มาเก็ตต่างๆ พบว่าตลาดอาหารเด็กในไทยน้อยมากส่วนใหญ่เป็นเเบรนด์ต่างชาติที่เป็นนมผงหรือเป็นเเบรนด์ที่เคยกินเมื่อ 20 ปีที่เเล้ว เเทบจะไม่มีสินค้าใหม่…วันนี้เราจะพูดคุยกับการสร้างธุรกิจที่ไม่ธรรมดาของ “เจมส์ อีวาน โรแลนด์ โจนส์ หรือคุณเจมี่” เเละ “ธิดาศักดิ์ โรแลนด์ โจนส์ หรือคุณโบว์” สองสามีภรรยาที่ช่วยกันสร้างเเบรนด์ Peachy ขึ้นมาจนติดตลาด ทั้งความท้าทายของการทำธุรกิจ ตลาดอาหารเด็กในไทย การให้ความรู้การเลี้ยงลูก กลยุทธ์การขยายธุรกิจ เจาะเทรนด์พ่อเเม่พาลูกเที่ยว รวมไปถึงเป้าหมายการปลูกฝังนิสัยการกินที่ดีให้เด็กไทย
มองเห็นสิ่งที่ตลาด “ไม่มี”
“เมื่อ 10 ปีที่เเล้ว อาหารสำหรับเด็กในไทยทางเลือกน้อยมาก ส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นนมผงเเบบกระป๋อง ซึ่งถ้าเทียบกันกับบ้านเกิดของผมที่อังกฤษ ที่มีอาหารเสริมพร้อมทานเยอะมาก เเละมีรสชาติที่น่าสนใจ” เจมี่เล่าต่อว่า นี่คือจุดที่เริ่มมองเห็นโอกาสทางการตลาด จาก Pain Point ปัญหาของคนเป็นพ่อเเม่จริงๆ เเละเมื่อเขาเเละครอบครัวได้ไปเยี่ยมญาติที่อังกฤษ จึงได้ทดลองให้ลูกทานอาหารเด็กของที่นั่น ปรากฎว่า “น้องปีเตอร์” ลูกชายคนเเรกของเขาชื่นชอบมากกลายเป็นความมุ่งมั่นที่จะกลับมาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์พ่อเเม่ยุคใหม่ในตลาดเมืองไทย
เเม้คิดไอเดียได้เเต่การทำจริงก็ใช่ว่าจะง่ายดาย พวกเขาใช้เวลาวิจัยเเละค้นคว้าสูตรนานกว่า 3 ปี โชคดีที่มีญาติทำโรงงานผู้ผลิตซอสมะเขือเทศเข้มข้น จึงขอให้ช่วยร่วมคิดค้นไปด้วยกัน เเละในที่สุดก็พัฒนาออกมาได้ 5 สูตรพร้อมเปิดตัว “กว่าจะได้ออกมา 5 สูตรเเรกที่เปิดตัว เราทดลองทำกว่า 30-40 สูตร ให้ลูกเราเเละเด็กๆ คนอื่นลองทานว่าเขาชอบหรือไม่ ไม่ชอบรสชาติไหนก็มีการนำไปปรับปรุง”
ย้อนกลับไปเวลานั้น ทั้งครอบครัวทุ่มเทเเรงกาย เเรงใจเเละเวลาให้กับการสร้างเเบรนด์ Peachy ขึ้นมา ทั้งโบว์เเละเจมี่ขอลาออกจากงานประจำที่มั่นคงในบริษัทคอร์เปอเรทใหญ่ ตัดสินใจ “ทุ่มหมดหน้าตัก” เพื่อมาเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว เเม้ต้องอยู่บนความไม่เเน่นอนที่ว่า ยังไม่รู้ว่าหลังปล่อยสินค้าออกมาเเล้วจะได้รับเสียงตอบรับดีหรือไม่
มัดใจลูกค้าด้วยการ “สร้างความเข้าใจ”
“เมื่อ 7 ปีที่เเล้วกว่าจะขายได้ 1 ถุงใช้เวลาคุยกับพ่อเเม่เฉลี่ยคนละ 20-30 นาที เพราะสินค้ายังใหม่มากในตลาดเมืองไทย ต้องสร้างความความเข้าใจกันเยอะ ต่างจากตอนนี้ที่ลูกค้าหาข้อมูลมาเเล้ว ก็มาลองชิม ถูกใจเเล้วซื้อเลย ในช่วงเริ่มต้นของธุรกิจเราจึงต้องออกบูธตามที่ต่างๆ ไปให้ความรู้ในโรงพยาบาลพยายามสื่อสารเเละอธิบายสินค้าให้กับกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุดในทุกช่องทาง”
เจ้าของเเบรนด์ Peachy เล่าถึงความท้าทายของการบุกเบิกตลาดในไทย หลังเปิดตัวครั้งเเรกในปี 2556 “ไม่มีใครรู้ว่าปล่อยออกมาเเล้วจะเป็นอย่างไร เเต่เราเชื่อมั่นว่าในเมื่อมันเป็น Pain Point ของเรา ก็คงจะเป็นของคนอื่นด้วย ตอนนั้นกังวลว่าคนไทยจะยอมรับเหมือนในเมืองนอกหรือไม่ อาจไม่สนใจเพราะไม่ชิน เราจึงต้องมาโฟกัสที่การสร้างการรับรู้เเละให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของผลิตภัณฑ์กับพ่อเเม่เเทนการมุ่งขายสินค้า”
ผลปรากฎว่าหลังเปิดตัวเเบรนด์ Peachy ไปได้ 1 ปีก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี อยู่ในระดับที่น่าประทับใจ “ไปต่อได้”
ทั้งนี้ชื่อ “Peachy” (พีชชี่) มาจากการนึกถึงอะไรที่เป็นผลไม้ ความสนุกสนาน รวมถึงมีชื่อย่อตัว P ของน้องปีเตอร์ คนที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการทำผลิตภัณฑ์นี้อยู่ด้วย แถมยังเป็น “นักชิม” ตัวยงให้กับทุกสูตรของแบรนด์นี้ด้วย
ดีไซน์สดใส Homemade Style รสธรรมชาติ
พูดถึงการ “ออกเเบบผลิตภัณฑ์” ที่เด็กๆ มองเเว๊บเเรกต้องสนใจเเน่นอน ด้วยสีสันที่สดใส กินสะดวกทุกที่ “หิวตอนไหนกินได้ตอนนั้น”
เจ้าของเเบรนด์ Peachy บอกว่า เราต้องสร้างความดึงดูดใจเด็กๆ และผู้ปกครอง ขณะเดียวกันต้องสะอาดปลอดภัย สารอาหารครบถ้วน พกพาง่าย จึงลงตัวที่บรรจุภัณฑ์เเบบ meal-ready-to eat (MRE) บรรจุในภาชนะปิดสนิทชนิดพลาสติกทนร้อน หรือ retort pouch (ถุงเพ้าช์) สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นาน 1 ปี (แต่หลังเปิดแล้วควรแช่ตู้เย็น และควรรับประทานให้หมดภายใน 1-2 วัน เพราะไม่มีวัตถุกันเสีย) มีน้ำหนักเบา สามารถเปิดผนึกได้โดยง่าย เด็กๆ สามารถทานเองได้สะดวก
“คอนเซ็ปต์ของเราคืออาหารเด็กพร้อมทานที่มีรสธรรมชาติ ใกล้เคียงกับอาหารที่คุณเเม่ทำเองที่บ้าน เป็น Homemade Style ไม่ได้ปรุงรส ไม่มีเกลือ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่มีวัตถุกันเสีย”
สำหรับวัตถุดิบที่ใช้เกือบ 90% ของคนท้องถิ่น ปลูกโดยชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้กับโรงงานที่ผลิตในจ.หนองคาย ใกล้เเม่น้ำโขง ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ดังนั้นผลผลิตจึงมีคุณภาพดีเเละไม่ได้ใช้สารเคมี โดยพืชที่ใช้หลักๆ ได้เเก่ กล้วยน้ำว้า มะม่วง ข้าวโพด เป็นต้น
ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ ด้วยเมนู “ทำเองยาก”
“จุดเด่นของ Peachy คือการมีรสชาติที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์พ่อเเม่ยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการปลูกฝังลักษณะนิสัยการกินที่ดีของลูกตั้งเเต่เด็ก ซึ่งจะส่งผลต่อพวกเขาไปตลอดชีวิต”
จากการเปิดตัวเพียง 5 สูตรในวันนั้น เติบโตมาจนมีผลิตภัณฑ์กว่า 30 SKU ในวันนี้ โดยมีการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ มีอาจารย์คอยให้คำปรึกษา ทุกสูตรที่คิดค้นขึ้นมาจึงมีสัดส่วนโภชนาการที่จำเป็นต่อเด็กตามช่วงอายุ อร่อยเเละคุณประโยชน์ครบถ้วน
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์เเบบถุงเพ้าช์ มีทั้งหมด 18 รสชาติ ราคาเริ่มต้น 55 บาท นอกจากนี้ยังมีขนมธัญพืชเพื่อสุขภาพสำหรับเด็ก 1 ขวบขึ้นไป ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ สูตรน้ำตาลน้อย ไม่ว่าจะเป็นพัฟฟ์ธัญพืช หรือคุกกี้ ซึ่งอุดมไปด้วยโอเมก้า 3-6-9 ก็มีให้เลือกสรรตามใจชอบ
สำหรับสินค้า ท็อป 3 ขายดีที่สุดของ Peachy ได้เเก่
· ฟักทองผสมนมข้าวโพดและมันฝรั่งบด
· ข้าวกล้องต้มปลาแซลมอน
· ปลาผสมผักโขมและมันฝรั่งบด
สังเกตได้ว่าสินค้าที่ขายดี จะเป็นเมนูที่ “ทำยาก” จึงเป็นการเสิร์ฟความสะดวกสบายให้คุณพ่อคุณเเม่ทั้งหลายนั่นเอง
“สมัยก่อนเราคิดเเต่ว่าต้องทำเองทั้งหมด ถึงจะดีเเละสะอาด กลัวว่าของพร้อมทานอาจจะมีสารเคมี สารวัตถุกันเสียหรือเปล่า เเต่สมัยนี้เทคโนโลยีไปไกลมาก พ่อเเม่ต้องทำงานทั้งสองคน ไม่มีเวลาทำอาหารที่ใช้เวลานาน จึงเริ่มเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรม ใช้วิจารณญาณของเขาตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีให้ลูก”
พกง่าย กินสะดวก อุ่นใจพ่อเเม่พาลูกเที่ยว
ทุกวันนี้การเดินทางสะดวกสบายขึ้นมาก การหาประสบการณ์ใหม่ด้วยการท่องเที่ยวเป็นที่นิยม โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเเบบครอบครัวของพ่อเเม่คนรุ่นใหม่
ดังนั้นดีไซน์เเพ๊กเกจจิ้งให้พกพาง่าย เทรนด์นี้กำลังมาในหมู่พ่อเเม่คนไทยที่ต้องการพาลูกไปเที่ยวด้วยทั้งในเเละต่างประเทศ เเม้ที่ต่างประเทศจะมีอาหารเด็กหลายยี่ห้อให้เลือกมากมาย เเต่การพกของที่ลูกทานได้ดีเเละ “ไม่เเพ้” ไปด้วยก็เป็นการปลอดภัยไว้ก่อน
“ที่ญี่ปุ่น ยุโรปเเละอเมริกา จะมีอาหารเด็กเเบบนี้เยอะมากเเต่เพื่อความสบายใจพ่อเเม่ พวกเขาจึงเลือกพก Peachy ไปจากเมืองไทยดีกว่า เพราะไม่ต้องเสี่ยงว่าลูกไปกินของที่โน่นเเล้วจะไม่ชอบหรือเเพ้ เพราะบางทีอ่านฉลากภาษาอังกฤษก็ลำบาก พกไปตั้งเเต่เเรกจะอุ่นใจกว่า”
เเละนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หลาย “สายการบิน” เลือกใช้ Peachy เพื่อเสิร์ฟให้กับพ่อเเม่ที่เดินทางบนไฟล์ทบินพร้อมเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็น การบินไทยเเละสายการบินบางกอก เเอร์เวย์ เเละกำลังจะขยายไปยังสายการบินอื่นๆ ต่อไป
สร้างเเบรนด์ออนไลน์ ขยายส่งออกอาเซียน
สำหรับช่องทางการจำหน่าย ตอนนี้ Peachy วางขายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำเเละซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป รวมไปถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และเว็บไซต์สินค้าแม่และเด็ก เช่น venbi, lazada , shopee เเละสั่งทางเว็บไซต์ของเเบรนด์โดยตรงที่ peachy.co.th เเละช่องทางโซเชียลต่างๆ อย่างเฟซบุ๊ก Peachy baby food เเละ Line @peachybabyfood
ส่วนการส่งออกนั้นได้ขยายตลาดโดยเน้นไปยังอาเซียน หลังสำรวจมาเเล้วพบว่าทางเลือกของอาหารเด็กพร้อมทานในตลาดยังมีน้อย เช่นเดียวกับในไทย รวมถึงให้ความสำคัญกับตลาดใหญ่อย่างจีนด้วย ปัจจุบันมีการส่งออกไปยัง 7 ประเทศเเล้ว ซึ่งได้รับความนิยมในอินโดนีเซียเเละสิงคโปร์อย่างมาก ทั้งนี้ Peachy มีสัดส่วนการส่งออกที่ 30% เเละขายในประเทศ 70%
“ตอนเราเปิดตัวช่วงปี 2556 คนเริ่มใช้มาร์เก็ตติ้งเเบรนด์ดิ้งเเล้ว เเต่ยังไม่เยอะ จึงเป็นโอกาสที่จะสร้างคอมมูนิตี้ของเราโดยไม่ต้องลงทุนมาก ซึ่งคอนเทนต์ของเราจะมีการให้เกร็ดความรู้การเลี้ยงลูกตามช่วงวัย ถ่ายทอดผ่านอินโฟกราฟฟิคที่น่าสนใจ เเนะนำเมนูอาหารสำหรับลูกน้อย กิจกรรมเวิร์คช้อปต่างๆ สร้างการพูดคุยเเลกเปลี่ยนระหว่างผู้ปกครอง หรือถามข้อสงสัยจากผู้เชี่ยวชาญได้ เราไม่ได้เน้นขายสินค้าเพียงอย่างเดียว”
ให้ความรู้การเลี้ยงลูกยุคใหม่ ผลักดันตลาดอาหารเด็ก
นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Feed For The Future ที่ทางเเบรนด์ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดลขับเคลื่อนโครงการนวัตกรรมการให้ความรู้รูปแบบใหม่ เพื่อพัฒนาแนวทางการให้อาหารและโภชนาการสำหรับทารกและเด็กเล็กในไทย
มีการศึกษาเกี่ยวกับโปรแกรมการให้ความรู้เรื่อง โภชนาการสำหรับเด็กเล็กกับแม่ที่มีบุตรอายุ 6 เดือนถึง 3 ขวบ จากความสำเร็จของผลการวิจัยของโครงการนี้เอง จึงได้ขยายโครงการวิจัยนี้ออกไปในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่อื่นๆ
จากนั้นได้ต่อยอดสรุปข้อมูลจากการวิจัยครั้งนี้ ออกมาเป็นหนังสือ My first cook book + Nutrition guide คู่มือเลี้ยงลูกตามช่วงวัยของพ่อเเม่ยุคใหม่ ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่างๆ พร้อมด้วย 80 เมนูอาหารให้ลูกน้อยได้ทานหลากหลาย รวมถึงการนำผลิตภัณฑ์ของ Peachy มาประยุกต์ใช้ให้เด็กได้ทานกับเมนูปกติทั่วไปได้อีกด้วย
“การให้ความรู้ในการเลี้ยงลูกเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอสำคัญของเเบรนด์เรา ถ้าเราจะทำให้ตลาดอาหารเด็กใหญ่ขึ้น ก็ต้องเพิ่มความรู้ของคนไทย ไม่อยากเเค่ขายอาหารอย่างเดียว เเต่ต้องสร้างความเข้าใจกับผู้คนได้จริง นำไปใช้ได้จริง”
เมื่อโอกาสดีๆ มาถึง…จงลงมือทำ
จากการลาออกจากงานประจำมาทำธุรกิจของตัวเอง วันนี้ Peachy มาได้ไกลกว่าที่คาดคิดมาก ทั้งยังต้องเจออุปสรรค เเละความท้าทายที่หลากหลาย ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา เเม้จะไม่เคยทำงานสายนี้มาก่อนก็ตาม
“สมัยนี้ถ้ามีไอเดียทำธุรกิจ เราก็สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ ถ้าตั้งใจจริงเราก็ทำได้ ดังนั้นจึงไม่ควรมาใส่กรอบตัวเองว่าคนๆ หนึ่งทำอะไรได้ ความรู้เป็นสิ่งที่เราไปหามาได้ ถ้าวันหนึ่งเรามีโอกาสดีๆ เข้ามาก็ควรลงมือทำมากกว่ามานั่งตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมตอนนี้เรายังไม่ทำอะไร อย่างไรก็ตามการทำธุรกิจเองก็ต้องยอมรับว่าคุณจะไม่มีวันหยุดเลยเเละต้องทำหลายหน้าที่ ก็เป็นสิ่งที่ต้องเลือก ”
ยกตัวอย่างทักษะใหม่ของเจมี่ที่เพิ่งได้มาเรียนรู้ใหม่ตอนทำเเบรนด์ Peachy นั่นคือการทำ “กราฟฟิกดีไซน์” ด้วยตนเอง จนถึงวันนี้เขาก็เป็นคนออกเเบบเเพ็กเกจจิ้งเองทั้งหมด ซึ่งได้รับเเรงบันดาลใจจากลูกชายทั้ง 2 คนของพวกเขานั่นเอง
หัวใจสำคัญคือ ปลูกฝังนิสัยการกินที่ดีให้ลูก
สุดท้าย สองผู้ก่อตั้ง Peachy ฝากคำเเนะนำถึงพ่อเเม่ยุคใหม่ที่กำลังมองหาอาหารเสริมให้ลูกน้อยว่า อย่างเเรกเลยต้องดูผลิตภัณฑ์ที่มีการตรวจสอบของอย. (คณะกรรมการอาหารและยา) ก่อน จากนั้นดูสัดส่วนคุณประโยชน์ของอาหาร ศึกษาฉลากให้ดีเเละดูว่าลูกเเพ้อาหารชนิดไหนบ้าง
“การที่พ่อเเม่ปลูกฝังให้ลูกทานอาหารที่หลากหลายรสชาติ กินผักเเละผลไม้ตั้งเเต่เล็กๆ เป็นโอกาสสำคัญของการสร้างนิสัยการกินที่ดีที่สุด โดยความพร้อมของเด็กเเต่ละคนจะต่างกัน ดังนั้นพ่อเเม่ต้องใจเย็นเเละอดทน ลูกอาจไม่กินผักโขมในครั้งเเรก บางคนให้กิน 8-9 ครั้ง ถึงจะชินก็มี พ่อเเม่จึงต้องเปิดใจเเละมีความพยายาม”
รู้จัก Peachy มากขึ้นได้ที่
Website: www.peachy.co.th
Facebook : Peachy baby food
Line : @peachybabyfood