จากบทสรุปของเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ระบุว่าผู้ป่วย COVID-19 สามารถแพร่กระจายเชื้อให้คนอื่นอีก เฉลี่ย 5.7 คน หากไม่มีมาตรการคัดกรองและคัดแยกผู้ป่วยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการไม่จัดแยกพื้นที่สำหรับผู้ป่วยแต่ละกลุ่มอาการออกจากกันอย่างชัดเจน ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ COVID-19 รวมถึงเชื้อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ได้นั้น บำรุงราษฎร์ได้ตระหนักและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง พร้อมได้เร่งดำเนินการนำหลักการ Detached Area (การแยกพื้นที่บริการเฉพาะ) มาปรับประยุกต์ใช้ภายในโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม 2563 โดยกำหนดให้เป็นพื้นที่แยกออกจากพื้นที่บริการทั่วไปอย่างเป็นสัดส่วน
นอกจากนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้มีการจัดตั้งพื้นที่คลินิกพิเศษ หรือที่เรียกว่า “Special Clinic” ซึ่งได้แยกพื้นที่ออกมาจากอาคารบริการปกติ สำหรับตรวจหาผู้ป่วยที่ไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของการเกิดโรคได้ โดยคลินิกพิเศษนี้จะเป็นจุดคัดแยก ซึ่งไม่ปะปนกับคลินิกการรักษาอื่น ๆ และเพื่อค้นหาโรคได้อย่างทันท่วงที ตามมาตรการควบคุมเชื้ออย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนหรือการสัมผัสในวงกว้าง รวมถึงยังมีการจัดตั้งคลินิกโรคหวัด (Flu Clinics) โดยแยกบริการเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน ได้แก่ คลินิกโรคหวัดสำหรับเด็กและสตรีตั้งครรภ์ และคลินิกโรคหวัดสำหรับผู้ใหญ่ ที่จะดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการหวัดหรือมีไข้หวัดโดยเฉพาะ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาเฉพาะโรคได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่จะแพร่กระจายต่อผู้อื่น เพื่อให้การดูแลเกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ป่วย ผู้มาใช้บริการ บุคลากรทางการแพทย์ และพนักงานทุกคน ด้วยมาตรฐานด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดระดับสากล
ทั้งนี้ การเปิดบริการแยกคลินิกโรคหวัดในกลุ่มต่าง ๆ ของโรงพยาบาล ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาในลักษณะเฉพาะโรคอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงได้รับการแนะนำในการปฏิบัติตัวก่อนการเดินทางมายังโรงพยาบาล ระหว่างรอรับการตรวจและหลังการตรวจแล้วเสร็จ โดยการบริหารจัดการพื้นที่ของโรงพยาบาลได้ตั้งเป้าให้อาคารบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล คลินิก (BI Clinic) เป็นอาคารปลอดโรคหวัดอย่างแท้จริง (Flu-free Building) ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยที่มีนัดพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาในคลินิกต่าง ๆ ของอาคาร BI Clinic มีความปลอดภัย และไม่ปะปนกับผู้ป่วยโรคหวัด รวมถึงผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ซึ่งเป็นไปตามมาตรการในการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ขั้นสูงสุด