ค้าปลีกอ่วม! CRC เปิดงบไตรมาสแรกรายได้ 54,285 ล้าน กำไรลดลง 63% ตลาดแต่งบ้านโตสวย

บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (CRC) เผยผลประกอบการไตรมาสแรก 2563 รายได้รวมอยู่ที่ 54,285 ล้านบาท ยอดเติบโตเพิ่มขึ้น 1% และมี EBITDA อยู่ที่ 5,879 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 5% รวมถึงมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 890 ล้านบาท ลดลง 63%

ล็อกดาวน์กระทบค้าปลีกเต็มๆ

จากวิกฤตการณ์ COVID-19 มีผลกระทบทั้งในแง่บวก และแง่ลบที่กระทบธุรกิจไปทั่วโลก อุตสาหกรรมค้าปลีกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการปิดศูนย์การค้า เพื่อให้ทุกคนอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

โดยที่ CRC ได้เปิดผลประกอบการไตรมาสแรกของปี พบว่ารายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่กำไรลดลงถึง 63% สวนส่วนของธุรกิจฮอาร์ดไลน์ ตลาดตกแต่งบ้านยังเติบโตได้ดี

ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ศูนย์การค้าและห้างร้านต้องปิดให้บริการอย่างกะทันหันตามมาตรการของภาครัฐ รวมถึงการล็อกดาวน์ประเทศ แต่ด้วยแพลตฟอร์ม Customer-Centric Omnichannel ทำให้ช่องทางออมนิแชแนลมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 93% รวมทั้งธุรกิจกลุ่มฟู้ด และกลุ่มฮาร์ดไลน์ที่ยังคงมีการเติบโต ธุรกิจในประเทศเวียดนามมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง”

ธุรกิจกลุ่มฟู้ด

มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 4% ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม เนื่องจากมีช่องทางให้ลูกค้าเลือกจับจ่ายได้ทั้งผ่านออนไลน์หรือมาที่ร้านค้าด้วยตนเอง ซึ่งทางเซ็นทรัล รีเทลได้มีมาตรการอย่างเข้มงวดในด้านความสะอาด ความปลอดภัย รวมถึงนำนวัตกรรมมายกระดับด้านสุขอนามัย เช่น หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อรังสียูวี-ซี, เครื่องวัดอุณหภูมิอัจฉริยะ เป็นต้น

ธุรกิจกลุ่มฮาร์ดไลน์

มีรายได้เติบโตสวนตลาดเพิ่มขึ้น 32% จากกลุ่มอุปกรณ์ก่อสร้างหรืออุปกรณ์ต่อเติมบ้านแบบ DIY โดยเซ็นทรัล รีเทลได้มีการขยายธุรกิจใน 2 กลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง และไม่หยุดที่จะเพิ่มการลงทุน เห็นได้จากการขยายสาขาจำนวนมากของท็อปส์ในประเทศไทย รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มของไทวัสดุอีก 2 แห่ง คือ สาขาเพชรบุรีและปากช่อง ทำให้ไทวัสดุมีจำนวนสาขารวมทั้งหมด 52 สาขา ในขณะเดียวกันที่เวียดนามเราได้เปิดศูนย์การค้า GO! ใหม่อีก 1 สาขาที่เมือง Tra Vinh ประเทศเวียดนาม ทำให้มีจำนวนสาขาของศูนย์การค้า GO! ทั้งหมด 34 สาขา

ธุรกิจกลุ่มแฟชั่น

เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านยอดขายทั้งในประเทศไทยและอิตาลี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ห้างร้านในเครือต้องปิดให้บริการชั่วคราวตามมาตรการรัฐ ทั้งในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม และประเทศอิตาลีตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา