หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน นักการตลาด นักโฆษณา เคยกล่าวไว้ว่า “เรดิโอกำลังจะตาย!!!” เพราะด้วยกระแสเทคโนโลยีดิสรัปชั่น ทำให้ปัจจุบันสื่อวิทยุหลายๆ คลื่นปิดตัวลง สื่อวิทยุที่ยังเหลืออยู่ในอุตสาหกรรมกลับมีรายได้โฆษณาที่ลดลงเรื่อยๆ แต่ท่ามกลางภาวะวิกฤติ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ในเครือของบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป กลับมีผลประกอบการเติบโตสวนกระแส ด้วยยุทธศาสตร์ Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง และหลังจากที่ช่อง 8 กำหนดกลยุทธ์เก้าอี้ 4 ขา จนประสบความสำเร็จและเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุด อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศยกระดับความคูล เปิดกลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย สร้างการเติบโตครั้งใหม่แบบก้าวกระโดด หวังเป็น New S Curve ในรอบ 15 ปีของ COOLISM ด้วยการนำจุดเด่นและแข็งแรงของกลุ่มธุรกิจในเครือข่ายอาร์เอส กรุ๊ป มาหล่อหลอมให้เกิดการ Synergy กันอย่างกลมกลืน ทรงพลัง และยั่งยืน
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “คลื่น COOLfahrenheit บริษัทในเครือ อาร์เอส กรุ๊ป เป็นสถานีเพลงเรตติ้งอันดับ 1 ที่ครองใจผู้ฟังมาถึง 2 ทศวรรษ แม้ในยุคที่ดิจิทัลดิสรัปชั่น จำนวนเรตติ้งและคนฟังคลื่น COOLfahrenheit ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง และทำสถิติใหม่ New High บนคลื่นวิทยุ คนฟังสูงสุดทะลุ 2 ล้านในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อาร์เอส จึงมองเห็นโอกาสจากกลุ่มคอมมูนิตี้คนฟัง COOLfahrenehit ที่มีจำนวนมากถึง 3.8 ล้านคน ซึ่งเราเข้าใจไลฟ์สไตล์ความชอบเป็นอย่างดี ผนวกกับข้อได้เปรียบของ Listening Media ที่ตอบโจทย์ Lazy Marketing และพฤติกรรมคนยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถแทรกซึมไปกับกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้แนบเนียนกว่าสื่ออื่นๆ จึงใช้โอกาสเหล่านี้พัฒนาเป็นแนวคิดของการขยายธุรกิจบนข้อได้เปรียบที่มีอยู่จริง มากำหนดเป็นกลยุทธ์ “แม่น้ำ 3 สาย” ที่เปรียบ COOLISM เหมือนมหาสมุทรที่รองรับน้ำที่ไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย”
กลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย เป็นการขยายรายได้หลักออกเป็น 3 สายใหญ่ๆ ลดการพึ่งพารายได้ช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป เป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์นี้จะสามารถสร้าง New S Curve ให้แก่ COOLISM เพื่อเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วย
- แม่น้ำสายที่ 1 COOLfahrenehit : ธุรกิจคลื่นเพลงที่เป็นผู้นำอันดับ 1 ตลอดกาลมา 15 ปี และมีฐานคนฟังจากแอปพลิเคชัน COOLISM และเว็บไซต์ www.coolism.net ซึ่งที่ผ่านมาคลื่น COOLfahrenehit พิสูจน์แล้วว่า วิทยุอาจตายไปแล้ว แต่คลื่นเพลงคุณภาพไม่มีวันตาย แต่กลับมีคนฟังมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- แม่น้ำสายที่ 2 COOLive : ยกระดับการทำงานด้านคอนเสิร์ต และอีเว้นท์ ที่ได้รับการเชื่อถือ มั่นใจและยอมรับจากผู้ชมและสปอนเซอร์ให้เป็นหน่วยธุรกิจอิสระ เพื่อสร้างคอนเสิร์ต Event Music Festival
- แม่น้ำสายที่ 3 COOLanything : ธุรกิจ Commerce ที่เปลี่ยนคนฟังให้เป็นลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีในการช้อปปิ้ง ด้วยสินค้าคุณภาพที่รู้ใจและการบริการที่เข้าใจ ผ่านแอปพลิเคชัน COOLISM ซึ่งเป็นต้นน้ำแหล่งใหม่ สำหรับยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นเทรนด์ยอดนิยมสูงสุด
ด้าน นายปริญญ์ หมื่นสุกแสง หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจวิทยุคูลลิซึ่ม อธิบายเพิ่มเติมว่า “ในส่วนของ COOLfahrenheit ที่เป็นแม่น้ำสายแรก เรามุ่งเน้นรักษาฐานผู้ฟังและเพิ่ม Engagement ด้วยการทำมิวสิคและไลฟ์สไตล์คอนเทนต์ที่โดนใจ พร้อมจัดกิจกรรมที่สร้างความประทับใจ รวมถึงเชื่อมโยงกิจกรรมและของรางวัลต่างๆ ด้วยระบบ CRM ในรูปแบบของ COOLdegree ซึ่งที่ผ่านมา COOL J ของเราเปรียบเสมือนเพื่อนที่รู้ใจ และกิจกรรมที่เราคัดสรรมาเพื่อผู้ฟังก็ทำให้เกิดกระแสบอกต่อ จนฐานผู้ฟังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สามารถรองรับการโฆษณาจากสปอนเซอร์ได้หลากหลายยิ่งขึ้น
“ในขณะที่ COOLive ได้รับกระแสการตอบรับอย่างล้นหลาม ทั้งในแง่ของคนดูและสปอนเซอร์จากคอนเสิร์ต RAPTOR ต่อด้วยคอนเสิร์ต D2B ทั้ง 2 รอบ ซึ่งความสำเร็จที่ผ่านมาเกิดจากตัวของศิลปินและความ Exclusive สำหรับเราในฐานะผู้จัด ทั้งมีการทำสื่อโปรโมทครบวงจร และ COOLfahrenehit เป็นคอมมูนิตี้คนฟังซึ่งเป็นฐานแฟนคลับของศิลปินอยู่แล้ว โดยในปีนี้ เราได้วางแผนและเตรียมปล่อยคอนเสิร์ต KAMIKAZE PARTY 2020 ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีมากเช่นกันตั้งแต่ในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม ทางทีมงานได้เตรียมพร้อมเพื่อรองรับการจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบ New Normal ไว้แล้ว เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เราจะสามารถจัดคอนเสิร์ตได้ทันที
“ปิดท้ายด้วยแม่น้ำสายใหม่เพื่อเปลี่ยนผู้ฟังเป็นผู้ซื้อ ผ่านแพลตฟอร์ม COOLanything ให้ผู้ฟังสามารถฟังเพลงและช้อปปิ้งออนไลน์ไปพร้อมๆ กันบนแอปพลิเคชัน COOLISM ซึ่งในเฟสแรกบริษัทฯ โฟกัสไปที่กลุ่มคอมมูนิตี้ของเราเป็นหลัก โดยคัดสรรสินค้าที่ตรงกับความชอบของกลุ่มมานำเสนอ”
นายสุรชัย กล่าวปิดท้ายว่า “กลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย จะมีรายได้มาจาก COOLfahrenheit 35% COOLive 30% และ COOLanything 35% ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่แข็งแกร่งให้แก่ COOLISM ได้ภายในปีนี้ และสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ( New S curve ) ในปี 2564