นักท่องเที่ยวไทยยังคงอยากเที่ยวในประเทศ ในปีหน้า 2564

ยุโรป แอสซิสแทนซ์ (Europ Assistance) เผยผลสำรวจอนาคตการท่องเที่ยว (Future of Travel) จัดทำโดย IPSOS ระหว่างวันที่ 5 – 26 มิถุนายน 2563 เพื่อสำรวจทัศนคติของนักท่องเที่ยว 11,000 ราย จาก 11 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 1,000 ราย โดยผลสำรวจเผยว่าในอนาคตนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ยังคงอยากเที่ยวในประเทศไทยก่อน

ใน 10 ของคนไทยอยากเดินทางท่องเที่ยว ในปี 2563 โดย 75% ต้องการท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน สำหรับการวางแผนท่องเที่ยวปีหน้ 2564 นักท่องเที่ยวทั่วโลกส่วนใหญ่ต้องการเดินท่องเที่ยวในต่างประเทศแล้ว ขณะที่นักท่องเที่ยวไทย 75% ยังคงอยากเที่ยวประเทศไทยอยู่ ในปีนี้ นักท่องเที่ยวไทย 36% วางแผนจองทริปท่องเที่ยวแล้ว และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก 86% หลีกเลี่ยงไปยังสถานที่ผู้คนหนาแน่นและ 84% หลีกเลี่ยงที่จะเดินทางไปยังบางประเทศ อีกเทรนด์ที่น่าสนใจคือนักเดินทางชาวไทย 70% วางแผนจะซื้อประกันภัยการเดินทางในอนาคต ขณะที่ 44% เผยว่าเคยทำประกันการเดินทางมาแล้ว

การแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทั่วโลก อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวที่ตอบแบบสอบถามทั่วโลกมากถึง 81อยากเดินทางท่องเที่ยวสักครั้งในปีนี้ มีเพียง 35% จาก 11 ประเทศ เผยว่าได้จองการท่องเที่ยวในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมไว้แล้ว หรือกำลังวางแผนอยู่ การวางแผนแสดงให้เห็นเทรนด์ระยะสั้นว่านักเดินทางจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการจองทริปท่องเที่ยวช่วงปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564 นอกจากนี้ นักเดินทางจำนวนมาก โดยเฉพาะในยุโรป จะเริ่มกลับมาท่องเที่ยวในแบบเดิมก่อนการแพร่ระบาดของ Covid-19 เช่น การโดยสารเครื่องบินและเข้าพักในโรงแรมขนาดใหญ่ในช่วงต้นปี 2564

รายละเอียดสำคัญจากสำรวจ

การวางแผนท่องเที่ยวในปี 2563ผลสำรวจทัศนตินักท่องเที่ยวทั่วโลกต่อการท่องเที่ยวในช่วงเวลาต่างๆ ทั้งฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูหนาว แสดงให้เห็นว่า Covid-19 ไม่สามารถหยุดยั้งนักท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ เพียงแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการท่องเที่ยวที่พวกเขาชื่นชอบในระยะสั้นเท่านั้น และในปีนี้พวกเขาอยากท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้บ้านก่อน

  • ในปี 2563 ผู้ตอบแบบสอบถาม 81วางแผนเดินทางไปอิตาลี (89%) ฝรั่งเศส (87%) และไทย (85%) เป็นประเทศแรกๆ
  • นักท่องเที่ยวทั่วโลกวางแผนใช้จ่ายท่องเที่ยวโดยเฉลี่ย 1,506 ยูโร (นักท่องเที่ยวไทยจะใช้จ่าย 733 ยูโร) ต่อคน สำหรับทริปผ่อนคลายหลังมาตรการล็อคดาวน์  36% ระบุว่าจะใช้เวลาพักผ่อนประมาณ 1 อาทิตย์ ที่ชายทะเล (30% ของนักท่องเที่ยวไทย)
  • 74ของนักเดินทางทั่วโลกจะเดินทางด้วยรถยนต์ (รถเช่าหรือรถส่วนตัว) ส่วนคนไทย 74% จะเดินทางด้วยรถยนต์เช่นกัน
  • 61ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกที่พักแบบส่วนตัวหรือโรงแรมขนาดเล็ก และรักษาระยะห่างและหลีกเลี่ยงสถานที่ผู้คนหนาแน่น ขณะที่ชาวไทยเพียง 27เท่านั้นเลือกที่พักแบบส่วนตัว และ 71จะเข้าพักในโรงแรม

ความกังวลและลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด Covid-19 ยังเป็นความกังวลหลักของเหล่านักท่องเที่ยวแต่แบบสำรวจได้สอบถามถึงมาตรการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดและวิธีแก้ไขก่อนเดินทางอีกครั้ง 

  • 3 ความกังวลหลักของนักท่องเที่ยวที่มีต่อโรคระระบาด เกิดการแพร่ระบาดขณะเดินทาง (36%) ไม่สามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวได้ตามที่ได้วางแผนไว้ (28%) ต้องถูกกักกันโรคในต่างประเทศ (27%)
  • 3 ปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมัน คือ อัตราการติดเชื้อลดลง (54%) คำแนะนำอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล (25%) และการกลับมาเปิดให้บริการของโรงแรม บาร์ และร้านอาหาร (25%)
  • พฤติกรรมที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด คือ หลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวในบางประเทศ (79%) สถานที่ผู้คนพลุกพล่าน (77%) และวางแผนท่องเที่ยวภายในประเทศ (76%)

วิธีการเดินทาง ขณะที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะขับรถยนต์ไปเที่ยวนั้น การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน

  • 75% ส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกระบุว่าจะขับรถยนต์ (รถเช่าหรือรถส่วนตัว) ไปเที่ยวหลังการล็อคดาวน์ในฤดูร้อน ส่วน (58%) ระบุว่าจะขับรถยนต์ไปเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง เป็นสัดส่วนที่ลดลง และลดลงมากขึ้นผู้ตอบแบบสอบถาม (56%) ยังคงใช้รถยนต์เดินทางในฤดูหนาว และปี 2564 (51%)
  • 20% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะเดินทางโดยเครื่องบินในฤดูร้อน และเพิ่มขึ้น 13ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (33%) และเพิ่มขึ้นอีกเป็น (37%) ในฤดูหนาว และเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า (44%) ในปี 2564
  • 14% ของนักเดินทางทั่วโลกจะเดินทางโดยรถไฟในฤดูร้อน และมีความเปลี่ยนแปลงไม่มากนักในฤดูใบไม้ร่วง (16%) ฤดูหนาว (17%) และมีความต้องการเพิ่มขึ้นเพียง 3% ที่จะเดินทางโดยรถไฟในปี 2564 (17%)

สถานที่ท่องเที่ยว นักเดินทางทั่วโลกส่วนใหญ่ระบุว่าจะเดินทางในประเทศก่อนในฤดูร้อน แต่พวกเขามีความต้องการเดินทางไปต่างประเทศในปีหน้า 2564

  • 60ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าพวกเขาวางแผนเดินทางภายในประเทศในช่วงฤดูร้อน ขณะที่ฤดูใบไม้ร่วงมีความต้องการเที่ยวในประเทศ (52%) และฤดูหนาว (54%) และเมื่อสอบถามถึงแผนการเดินทางในปี 2564 ความต้องการท่องเที่ยวในประเทศลดลงเกือบครึ่งอยู่ที่(39%)
  • 6ระบุว่าพวกเขาจะเดินทางเที่ยวต่างประเทศ อย่างไรก็ตามนักเดินทางจำนวนเพิ่มขึ้นสองเท่าตัวตอบว่าพวกเขาวางแผนเที่ยวต่างประเทศในฤดูใบไม้ร่วง (14%) และฤดูหนาว (14%) และ 19ของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนว่าจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้งภายในปี 2564

การป้องกันการเดินทาง ขณะที่มีโรคระบาด จึงไม่น่าแปลกใจที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่สนใจป้องกันการเดินทางทริปถัดไป

  • ก่อนการแพร่ระบาดของ Covid-19 นักเดินทาง 48% ระบุว่าพวกเขาทำประกันการเดินทาง อย่างไรก็ตาม 54% จะซื้อประกันเดินทางในทริปถัดไป ส่วนประเทศไทย เทรนด์ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น โดย 70% ของนักท่องเที่ยวไทยวางแผนซื้อประกันเดินทางในอนาคต ขณะที่ 44% นั้นทำประกันเดินทางมาก่อนแล้ว
  • 66% ของผู้ตอบแบบสอบถามต้องการความคุ้มครองในการส่งตัวกลับเมื่อมีการปิดพรมแดนหรือการล็อคดาวน์ในประเทศสถานที่ปลายทาง
  • 63% ต้องการได้รับความคุ้มครองเมื่อการเดินทางต้องยืดเยื้อกว่าเดิ
  • 62% ต้องการได้รับความช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วยหลังกลับจากทริปท่องเที่ยว 14 วัน

Francine Abgrall หัวหน้าการท่องเที่ยว ยุโรป แอสซิสแทนซ์ กรุ๊ป กว่าว่า “เราได้ทำสำรวจการท่องเที่ยวประจำปี เป็นปีที่ 25 เป็นเครื่องมือในการแบ่งปันข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เราจึงร่วมมือกับบริษัทวิจัยระดับโลกอย่าง IPSOS ในการสำรวจรูปแบบการท่องเที่ยวในอนาคตเพื่อเข้าใจรูปแบบการท่องเที่ยวว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือยังเหมือนเดิม ขณะที่รูปแบบการท่องเที่ยวต่างๆ มีความสอดคล้องกับความรู้สึกในปัจจุบันที่การรักษาระยะห่าง (ที่พักขนาดเล็กลง) และหลีกเลี่ยงสถานที่คนพลุกพล่าน (การเดินทางสาธารณะลดลง) เราสังเกตเห็นว่าผู้ตอบแบบสอบวางแผนการท่องเที่ยวในปี 2564 โดยยินดีที่จะกลับไปท่องเที่ยวในรูปแบบเดิมก่อน Covid-19 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ผลสำรวจเผยให้เห็นว่านักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่งอยากจะเดินทางท่องเที่ยวในปี 2563 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในระยะกลางและระยะยาว”

Philippe Demangeat ประธานกรรมการบริหาร ยุโรป แอสซิสแทนซ์ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “การสำรวจการท่องเที่ยวประจำปีครั้งนี้ เป็นปีแรกที่ได้สำรวจทัศนติของนักท่องเที่ยวชาวไทย เราได้รับรู้ความคิดเห็นของชาวไทยต่อประกันภัยการเดินทางและบริการให้ความช่วยเหลือ ของนักเดินทางชาวไทย 77จะซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทาง ขณะที่มีเพียง 44% ที่ซื้อประกันเดินทางในปีที่ผ่านมา  ปัจจุบัน บริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน ค่ารักษาในโรงพยาบาล และความล่าช้าหรือการยกเลิกการเดินทาง มีความจำเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจบริการพิเศษ อาทิ บริการทางการแพทย์ก่อนเดินทาง คำแนะนำด้านความปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยว การรับข้อมูลในเชิงพิกัดภูมิศาสตร์เกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ Covid-19  ขณะเดินทาง  บริการแพทย์ทางไกล และความสามารถในการเข้าตรวจ Covid-19  ได้ทุกที่ทุกเวลา

แม้ว่าขณะนี้จะมีความไม่แน่นอน แต่เราได้เห็นสัญญาณบวกที่คนไทยวางแผนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้และปี 2564 โดยจะหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น ในระยะสั้นด้วยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินและการบริการที่จำเป็น”

วิธีการสำรวจ

การสำรวจออนไลน์จัดทำขึ้นโดย Ipsos ตามข้อกำหนดของ ยุโรป แอสซิสแทนซ์ สำรวจนักท่องเที่ยว 11,000 คน (ผู้ทำแบบสำรวจ 1,000 คน ต่อ ประเทศ) ในยุโรป (ฝรั่งเศส เยอรมัน ออสเตรีย เบลเยียม สเปน อิตาลี โปแลนด์ และสหราชอาณาจักร) เอเชีย (จีนและไทย) และ อเมริกา การสำรวจดังกล่าวเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดจากการสำรวจครั้งที่ 20 ของ Ipsos Holiday Barometer ซึ่งเตรียมพร้อมทำการสำรวจขณะเริ่มมาตรการล็อคดาวน์ การสำรวจมีวัตถุประสงค์ในการศึกษาผลกระทบ Covid-19 ต่อการวางแผนเดินทางท่องเที่ยวและนักเดินทาง เพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วนในธุรกิจการท่องเที่ยวเตรียมตัวรับมือกับโลกหลัง Covid-19

เกี่ยวกับยุโรป แอสซิสแทนซ์ กรุ๊ป

ยุโรป แอสซิสแทนซ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2506 เป็นผู้ริเริ่มบริการด้านความช่วยเหลือ โดยให้บริการลูกค้าในกว่า 200 ประเทศ ด้วยเครือข่ายผู้ให้บริการที่ได้รับการรับรองจำนวน 750,000 แห่ง และศูนย์บริการอีก 39 แห่ง ภารกิจของเราคือการช่วยให้ผู้คนหรือหน่วยงานได้คลายความกังวลใจและเกิดความสบายใจในทุกที่ทุกเวลา เรานำเสนอความช่วยเหลือที่หลากหลาย ทั้งทางการท่องเที่ยว ประกันภัย รวมถึงบริการความช่วยเหลือส่วนบุคคลในด้านต่างๆ เช่น การคุ้มครองผู้สูงอายุการคุ้มครองอัตลักษณ์ทางดิจิทัล (protection of digital identity ) แพทย์ทางไกล และบริการ เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ด้วยจำนวนพนักงานจำนวนมากถึง 7, 765 คน วิสัยทัศน์ของเรา คือการเป็นบริษัทผู้ให้การดูแลที่เชื่อถือได้ที่สุดในโลก

ยุโรป แอสซิสแทนซ์ เป็นส่วนหนึ่งของ เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทประกันชั้นนำของโลก