นายกัว ผิง ประธานกรรมการบริหาร แบบหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย กล่าวในพิธีเปิดงานประชุม Better World Summit ถึงความสำคัญของความร่วมมื
ร่วมมือกันฝ่าวิกฤตโรคระบาดด้วยเทคโนโลยี
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตและการทำงานของเราไปอย่างสิ้นเชิง รวมถึงส่งผลกระทบอย่างหนัก ต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ ICT สามารถเป็นเครื่องมือในการต่อสู้กับวิกฤตการณ์จากโควิด-19 ในครั้งนี้ได้ในหลายๆ ด้าน
นายกัว ผิง กล่าวว่า “ในฐานะบริษัทด้าน ICT การใช้เทคโนโลยีที่เรามีเพื่อช่วยควบคุมและเอาชนะการระบาดใหญ่ครั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเรา ด้วยความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์และลูกค้าของเรา รวมถึงผู้ให้บริการโครงข่ายและองค์กรธุรกิจทุกประเภท เราสามารถใช้โซลูชันทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่ประชาคมโลกของเราได้”
“จากการที่เราเคยผ่านประสบการณ์ในพื้นที่ระบาดหนักตั้งแต่ช่วงแรก เราจึงได้พัฒนาโซลูชันจำนวนหนึ่งขึ้นโดยอิงจาก 9 สถานการณ์ที่มีการใช้เทคโนโลยี ICT เข้ามาช่วยต่อสู้กับการระบาดใหญ่ โดยเราได้แบ่งปันประสบการณ์และความสามารถในการใช้เทคโนโลยีช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสและช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการวางเครือข่ายในโรงพยาบาล การให้คำปรึกษาทางไกล การเรียนออนไลน์ หรือการฟื้นฟูภาครัฐและภาคธุรกิจ”
ปลดล็อคศักยภาพที่แท้จริงของ 5G: การร่วมมือกันระหว่าง 5 ขอบข่ายเทคโนโลยี
“ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้ 5G มากกว่า 90 ล้านคนทั่วโลก และเนื่องจากการวางโครงข่าย 5G ทั่วโลกเริ่มจะเสร็จสมบูรณ์ เราจึงจำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญในการมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี 5G เพื่อรองรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราปลดล็อคศักยภาพที่แท้จริงของ 5G ได้” นายกัว ผิง กล่าว
ในแง่ของธุรกิจ เครือข่าย 5G ไม่ได้หมายถึงเพียงการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นเท่านั้น เพราะเมื่อเทคโนโลยีอย่าง 5G เทคโนโลยีการประมวลผลคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีคลาวด์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำงานผสานกัน เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยเสริมกำลังแก่กันและกัน แล้วสร้างโอกาสนานัปการให้กับทั้ง 5 ขอบข่ายเทคโนโลยีหลัก อันได้แก่ การเชื่อมต่อ, AI, คลาวด์, การประมวลผลคอมพิวเตอร์ และการปรับใช้กับภาคอุตสาหกรรม (industry applications)
“หัวเว่ยมีจุดแข็งเชิงลึกในทุกขอบข่ายเทคโนโลยีที่กล่าวมาข้างต้น” นายกัว ผิง กล่าวเสริม “เราสามารถผสมผสาน ขอบข่ายเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นโซลูชันที่อิงตามแต่ละสถานการณ์ ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันไปของลูกค้าและพาร์ทเนอร์แต่ละรายของเรา นี่คือกุญแจสู่การปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริงของ 5G และขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จในการใช้งานเชิงพาณิชย์”
การที่ 5G จะประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ได้นั้น ทั้งอุตสาหกรรมทั้งหมดจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน การปรับใช้ให้เข้ากับอุตสาหกรรมเดียวกันในแนวดิ่ง (Vertical industry applications) จะสามารถทำซ้ำได้ในระดับอุตสาหกรรมก็ต่อเมื่อมาตรฐานของอุตสาหกรรมนั้นมีความร่วมมือกัน และมีอีโคซิสเต็มที่พร้อมใช้งาน “ในอนาคต หัวเว่ยจะทุ่มเทความพยายามเป็นเท่าตัวเพื่อให้พาร์ทเนอร์ของเรามีศักยภาพที่พวกเขาต้องการ” นายกัว ผิง ระบุ “เราจะสนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน และผลักดันการเติบโตให้กับทุกๆ คนในห่วงโซ่แห่งมูลค่า (value chain)”
สร้างสมดุลแก่เป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว: การวางเครือข่ายอย่างแม่นยำเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด
นายกัวกล่าวว่า “ด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน กลุ่มผู้ให้บริการโครงข่ายต้องให้ความสนใจกับทั้งเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว การวางโครงข่ายที่แม่นยำยิ่งขึ้นเป็นแนวทางที่พวกเขาจะสามารถสร้างมูลค่าแก่เครือข่ายต่างๆ ในมือพวกเขาให้มีคุณค่าสูงสุด” ทั้งนี้ หัวเว่ยได้มอบคำแนะนำสามประการในประเด็นนี้ อันได้แก่
- ประการแรก ผู้ให้บริการโครงข่ายควรให้ความสำคัญแก่ประสบการณ์ของผู้ใช้และลงทุนในส่วนที่จำเป็นมากที่สุด เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่กลุ่มเครือข่ายที่ตนมีอยู่แล้ว
- ประการที่สอง ผู้ให้บริการโครงข่ายควรใช้ประโยชน์สูงสุดจากเครือข่าย 4G และ FTTx ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และผสานเครือข่ายเหล่านี้เข้ากับกลุ่มเครือข่ายใหม่อย่าง 5G ผ่านการร่วมมือแบบองค์รวมและการวางแผนอย่างแม่นยำ
- ประการที่สาม แผนการวางเครือข่าย 5G ควรให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่มีการใช้งานอย่างหนาแน่น (hotspots) และการนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรมหลักเป็นลำดับแรก
งานประชุม “Better World Summit” ได้รับการถ่ายทอดสดเป็นภาษาจีน, อังกฤษ, สเปน, ฝรั่งเศส, รัสเซีย, เกาหลี, ญี่ปุ่น และอารบิก สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาคลิก ที่นี่