“S-OIL Thailand” จาก “เป็นเอก ควอลิตี้ออยล์” ขอขึ้น Top 5 น้ำมันหล่อลื่นนำเข้าใน 3 ปี


น้องใหม่มาแรง! “เป็นเอก ควอลิตี้ออยล์” ผู้นำเข้าน้ำมันหล่อลื่นจากเกาหลีใต้ภายใต้แบรนด์ “S-OIL” หลังปักหมุดในไทย 5 ปี ขยายเครือข่ายดีลเลอร์ 700 รายทั่วประเทศ พร้อมก้าวต่อสู่ Top 5 กลุ่มน้ำมันหล่อลื่นนำเข้า ด้วยกลยุทธ์แพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซผูกพันธมิตรอู่ซ่อมรถยนต์ เร่งสร้างแบรนด์ผ่านการสนับสนุนทีมรถแข่ง แย้มเป้าหมายอนาคตเพิ่มสินค้า-แตกไลน์ธุรกิจเม็ดพลาสติก สร้างยอดขายกรุยทางสู่ตลาดหุ้น

ตลาดน้ำมันหล่อลื่นหรือน้ำมันเครื่องกลุ่มพรีเมียมมูลค่า 20,000 ล้านบาท มีผู้เล่นหน้าใหม่โหมบุกตลาดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคือ “S-OIL” แบรนด์น้ำมันเครื่องนำเข้าจากเกาหลีใต้ โดยมีแม่ทัพผู้นำเข้าสินค้าคือ “สายัณห์ แจ่มจันทรา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เป็นเอก ควอลิตี้ออยล์ จำกัด เร่งขยายตลาดจนมีดิสทริบิวเตอร์ 10 รายทั่วประเทศ และอู่ซ่อมรถยนต์พันธมิตร 700 ราย

“ผมอยู่ในวงการน้ำมันหล่อลื่นมาก่อน ต่อมาก็เห็นว่าเรามีโอกาสจับตลาดน้ำมันหล่อลื่นพรีเมียม จึงออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง จากนั้นเรามีการติดต่อซัพพลายเออร์ไปกว่า 40 รายทั่วโลก แต่มาจบดีลกับ S-OIL ของเกาหลีใต้เพราะเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ มีโรงกลั่น สามารถซัพพลายสินค้าให้เราได้ไม่ขาดช่วง และมีเทคโนโลยีของตัวเอง ตอบโจทย์ในการปรับสูตรให้เหมาะกับประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน ฝุ่นเยอะ” สายัณห์กล่าวถึงที่มาการเลือกแบรนด์ S-OIL เข้ามาทำตลาด

โดยน้ำมันหล่อลื่น S-OIL เป็นน้ำมันเครื่องเกรดพรีเมียมแต่ทำราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่า ระดับราคามีตั้งแต่ต่ำกว่า 1,000 บาทไปจนถึง 3,000 บาท

ปัจจุบันถ้าเทียบกับกลุ่มน้ำมันพรีเมียมนำเข้าซึ่งมีประมาณ 40 แบรนด์ในไทย สายัณห์มองว่าแบรนด์ S-OIL ติดอยู่ในระดับ Top 10 แล้ว และวางเป้าหมายภายใน 3 ปี จะก้าวขึ้นไปสู่ Top 5 ของกลุ่มตลาดนี้ให้ได้

ไม่โตเดี่ยวแต่โตไปกับอู่

กลยุทธ์ที่จะพา S-OIL Thailand ไปถึงเป้าหมายได้ สายัณห์อธิบายก่อนว่ายุคนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนแปลงไป จากระบบเดิมเป็นการขายแบบออฟไลน์ คือระบบที่ลูกค้านำรถไปที่อู่ซ่อมรถยนต์เพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ทางอู่จะมีน้ำมันเครื่องจำหน่าย และอู่ได้กำไรจากการขายน้ำมันเครื่องด้วย ระบบใหม่นั้นผู้บริโภคจะหาซื้อน้ำมันหล่อลื่นเอง แล้วจึงไปหาอู่รถยนต์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะสั่งซื้อบนแพลตฟอร์มออนไลน์

ก่อนหน้านี้ผู้บริโภคยังใช้ช่องทางออฟไลน์รูปแบบเดิมราว 80% แต่ยุคนี้ผู้บริโภคหันมาใช้ช่องทางออนไลน์ซื้อน้ำมันหล่อลื่นเองมากขึ้นปัญหาจึงเกิดขึ้นกับศูนย์บริการยางและอู่รถยนต์ เพราะนอกจากจะขาดรายได้ที่ได้จากการขายน้ำมันเครื่อง อู่ดั้งเดิมยังไม่มีการทำตลาดบนออนไลน์เท่าใดนัก ทำให้ผู้บริโภคค้นหาอู่ไม่พบ

เพื่อแก้ปัญหาให้อู่รถยนต์พันธมิตร สายัณห์กล่าวว่า S-OIL Thailand โดยเป็นเอก ควอลิตี้ออยล์กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซบนหน้าเว็บไซต์ของ S-OIL Thailand เอง แพลตฟอร์มนี้เมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อน้ำมันเครื่องบนเว็บไซต์ ระบบจะแสดงลิสต์รายชื่ออู่รถยนต์ในละแวกใกล้เคียงเพื่อแนะนำให้ลูกค้าไปใช้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ด้วยวิธีนี้ จะเป็นการสนับสนุนให้อู่รถยนต์พันธมิตรมีผู้มาใช้บริการมากขึ้น และยังส่งสินค้าถึงอู่รถยนต์ได้เร็วขึ้นด้วยระบบดิสทริบิวเตอร์ จึงเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น

เป็นเอก ควอลิตี้ออยล์ตั้งเป้าเริ่มให้บริการแพลตฟอร์มจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นออนไลน์พ่วงแนะนำศูนย์บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นมาตรฐาน และอู่รถยนต์ให้ได้ภายในปี 2563 และจะเริ่มใช้เต็มระบบภายในปี 2564 ขณะนี้เหลือขั้นตอนที่ยังพัฒนาอยู่คือระบบ Payment Gateway และคาดว่าจะมีอู่พันธมิตร 1,200 แห่งในช่วงแรก พร้อมเป้าหมายขยายเป็น 3,000 แห่งภายใน 3 ปี ถือว่าครอบคลุมตามเป้าหมายที่บริษัทได้ตั้งไว้

“เราเป็นเจ้าแรกที่จะทำแพลตฟอร์มลักษณะนี้ ไม่เคยมีใครทำงานผูกกับพันธมิตรอู่รถยนต์มากเท่าเรามาก่อน” สายัณห์กล่าว

สนับสนุน “ทีมรถแข่ง” ช่วยสร้างแบรนด์

จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ค้นหาและซื้อน้ำมันหล่อลื่นเอง สายัณห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ผู้บริโภคจะเลือกซื้อจึงมาจากเรื่องความน่าเชื่อถือและคุณภาพของแบรนด์ กับเรื่องราคาที่สมเหตุสมผล

ประเด็นเรื่องปัจจัยความน่าเชื่อถือ นอกจากจะมาจากศูนย์บริการยางรถยนต์และอู่รถยนต์แนะนำ ซึ่งทำให้ S-OIL Thailand มีการทำงานใกล้ชิดกับอู่พันธมิตร อีกส่วนหนึ่งคือผู้บริโภคได้เห็นแบรนด์บนโลกออนไลน์ในพื้นที่ที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่รีวิวสินค้า รวมถึงกลุ่ม “นักแข่งรถ” ซึ่งจะช่วยให้แบรนด์ได้ภาพความเป็นน้ำมันหล่อลื่นพรีเมียมทันที

S-OIL Thailand จึงร่วมสนับสนุนทีมแข่งรถบำเรอเรซซิ่ง โดยสนับสนุนทั้งเงินสปอนเซอร์และน้ำมันเครื่องที่ใช้กับรถแข่งทีมบำเรอและทีมแข่งอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ทีมยังเป็นนักแข่งหน้าใหม่ในวงการจนปัจจุบันทีมบำเรอได้เข้าแข่งขันใน Thailand Super Series ส่งให้ S-OIL Thailand ได้ภาพลักษณ์ที่ดีไปพร้อมกัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักรถ สนใจเรื่องเพอร์ฟอร์มานซ์รถยนต์ จะรู้จักแบรนด์จากการตลาดผ่านทีมรถแข่ง

วางวิสัยทัศน์ไกลสู่ตลาดหุ้น

วันนี้เป็นเอก ควอลิตี้ออยล์หรือ S-OIL Thailand ได้ปักหมุด 5 ปีสร้างชื่ออย่างแข็งแกร่งในตลาดน้ำมันหล่อลื่นนำเข้า แต่สายัณห์วางวิสัยทัศน์อนาคตระยะยาวไว้ไกลกว่านั้น โดยปัจจุบันนอกจากน้ำมันหล่อลื่นพรีเมียม บริษัทยังนำเข้าน้ำมันเกียร์ และ น้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน (Base Oil) สารตั้งต้นในการผลิตสินค้าจากน้ำมัน

ไม่เพียงเท่านี้ สายัณห์มองว่าเป็นเอก ควอลิตี้ยังแตกไลน์สินค้าและธุรกิจได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดน้ำมันหล่อลื่นระดับแมส ระดับราคากลางๆ ที่จะได้ตลาดขนาดใหญ่ขึ้น โดยจะมีการจำหน่ายทั้งภายใต้แบรนด์ S-OIL 7 และผลิตภายใต้แบรนด์ใหม่ของบริษัทเองคือแบรนด์ Continum ปัจจุบันเริ่มมีการชิมลางทดลองขายแล้ว พบว่าตลาดให้การตอบรับดี

อีกส่วนหนึ่งคือการมองสินค้าจากปิโตรเคมิคอลอื่นๆ ที่มีโอกาสสูงอย่าง “เม็ดพลาสติก” น่าจะเข้ามาเป็นไลน์ธุรกิจแห่งอนาคต

“ช่วงที่ผ่านมาคนไทยมีการใช้แพ็กเกจจิ้งพลาสติกสูงขึ้นมาก ยิ่งช่วงหลัง COVID-19 ยิ่งสูง ทำให้เราสนใจนำเข้าเม็ดพลาสติกมาส่งให้โรงงานผลิตแพ็กเกจจิ้ง ขณะนี้กำลังเจรจาดีลอยู่ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ปีหน้า” สายัณห์กล่าว

จากวิสัยทัศน์ทั้งหมด สายัณห์มองว่าน่าจะติดสปีดให้บริษัทสามารถยื่นไฟลิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายใน 5 ปี เพราะสินค้าอย่างน้ำมันหล่อลื่นเป็นสิ่งจำเป็นของรถยนต์และเป็นสินค้าที่มีการซื้อซ้ำสม่ำเสมอ และบริษัทยังมีแผนต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่น่าสนใจดังกล่าว

“ยุคก่อนจะเข้าตลาดหุ้นอาจต้องใช้เวลา 15 ปีเป็นอย่างน้อย แต่ยุคนี้เทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างใช้เวลาสั้นลง เราจึงคิดว่าจะเข้าตลาดได้ภายใน 5 ปีจากนี้” สายัณห์กล่าว “เรามองว่าถ้าหากทำได้สำเร็จจะเป็นความภาคภูมิใจของบริษัท เพราะพิสูจน์ได้ว่าบริษัทเรามีระบบที่ดีและมีความมั่นคงจริง”