บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เตรียมจัดสรร MINT-W7 วอแรนต์อายุ 3 ปี ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 22 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนต์ ทั้งหมด 235.56 ล้านหน่วย กำหนดราคาใช้สิทธิที่ 21.60 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ (XW) ในวันที่ 6 สิงหาคม 2563 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับวอแรนต์ในวันที่ 7 สิงหาคม 2563 ทั้งนี้การออก MINT-W7 ถือเป็นส่วนสุดท้ายของแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้บริษัท นอกเหนือจากการออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุนและการออกหุ้นเพิ่มทุนซึ่งต่างประสบความสำเร็จไปก่อนหน้านี้ โดยหุ้นเพิ่มทุนเตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 4 สิงหาคม นี้
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ 7 หรือ MINT-W7 อายุ 3 ปี ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตรา 22 หุ้นเดิม ต่อ 1 วอแรนต์ รวมเป็นจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ 235.56 ล้านหน่วย และราคาใช้สิทธิ 21.60 บาท ทั้งนี้บริษัทได้กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ (Record Date) คือ วันที่ 7 สิงหาคม 2563 ดังนั้น วันซื้อขายสุดท้ายที่นักลงทุนจะได้รับสิทธิในการได้รับใบสำคัญแสดงสิทธิ คือวันที่ 5 สิงหาคม 2563 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิ (ขึ้นเครื่องหมาย XW) ในวันที่ 6 สิงหาคม 2563
ราคาของ MINT-W7 ที่ถูกกำหนดไม่ได้บ่งบอกถึงราคาหุ้นในอนาคต เนื่องจากมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทน่าจะสูงขึ้นภายหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกบรรเทาลง และนักลงทุนสามารถประเมินความคุ้มค่าในการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิเป็นหุ้นสามัญ และใช้สิทธิแปลงสภาพนี้ได้ทุกวันที่ 15 ของเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และ พฤศจิกายน ของทุกปีตลอดอายุของใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยวันใช้สิทธิครั้งแรกจะตรงกับวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563
การออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 7 หรือ MINT-W7 คาดว่าจะได้รับเงิน ประมาณ 5 พันล้านบาทในระยะเวลา 3ปี หากมีผู้ใช้สิทธิ์ทั้งหมด การออก MINT-W7 นี้ ถือเป็นส่วนสุดท้ายของแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน มูลค่าประมาณ 2 หมื่น 5 พันล้านบาท ประกอบด้วยการออกหุ้นกู้ที่มีลักษณะคล้ายทุน หรือ Perpetual bond ประมาณ 3 ร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งประสบความสำเร็จแล้ว นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีการออกหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วน 8.2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ที่ราคาเสนอขาย 17.50 บาท ซึ่งบริษัทได้กำหนดจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น เมื่อวันที่ 17-23 กรกฎาคมที่ผ่านมา และบริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนอีกจำนวน 1 หมื่นล้านบาท ด้วยยอดจองที่สูงกว่ายอดที่จัดสรรประมาณ 30% ซึ่งแสดงถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นมีต่ออนาคตของบริษัท
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทยังได้รับการสนับสนุนและความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการยินยอมให้ยกเว้นการทดสอบอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจนถึงสิ้นปี 2563 โดยแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินครั้งนี้ ถือเป็นแผนเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว ทำให้ฐานะการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้นและเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ รวมถึงรองรับการฝ่าวิกฤติโควิด-19 โดยไม่จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มอีกในช่วง 2 ปีข้างหน้า และภายในปี 2563 อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ D/E จะลดลงต่ำกว่าระดับ 1.3 เท่า จากระดับ 1.6 เท่า ณ สิ้นไตรมาสแรกของปีนี้
อีกทั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะรับหุ้นหุ้นเพิ่มทุนของ MINT จำนวน 563,293,276 หุ้น และเริ่มซื้อขายในวันที่ 4 สิงหาคม 2563 ซึ่งเป็นโอกาสให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านได้ร่วมลงทุน และได้เติบโตไปพร้อมกับบริษัทระดับโลกมีเป็นผู้นำธุรกิจ โรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์
ก่อนหน้านี้ มร. ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทของ MINT เปิดเผยว่า ธุรกิจของ MINT ทุกธุรกิจเริ่มมีการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยโรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้าไลฟ์สไตล์เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ และทุกธุรกิจมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละเดือน ณ ปัจจุบัน โรงแรมในสัดส่วนร้อยละ 72 ของโรงแรมทั้งหมดได้กลับมาเปิดให้บริการ ในขณะที่ ร้านอาหารประมาณร้อยละ 95 ของร้านอาหารทั้งหมดได้กลับมาเปิดให้บริการ โดยมาตรการการลดต้นทุนอย่างเข้มงวดช่วยให้บริษัทสามารถลดจุดคุ้มทุนและลดระยะเวลาการคุ้มทุนได้ รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด และการสนับสนุนมาตรการต่าง ๆ จากรัฐบาล เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศที่คาดว่าจะออกมาในอนาคตอีกด้วย