ในโอกาสครบรอบ 31 ปี แม็คโคร เน้นการทำธุรกิจแบบ “ก้าวไปด้วยกัน” กับลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจและสังคม ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ ย้ำเคียงข้าง เข้าใจ ช่วยเหลือ ผ่านกิจกรรมทางการตลาด ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อสนับสนุนธุรกิจรายย่อยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร กล่าวว่า “เนื่องจากปีนี้เป็นปีที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเนื่องยาวนาน ในโอกาสครบรอบปีที่ 31 ของแม็คโคร ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าส่งสมัยใหม่ระบบสมาชิก จึงได้ปรับวิธีการทำธุรกิจให้เป็นมากกว่า ‘คู่คิดธุรกิจ’ สอดคล้องกับชีวิตวิถีใหม่ของผู้ประกอบการรายย่อย โดยยึดลูกค้าและสังคมเป็นศูนย์กลาง
จากการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าสมาชิกแม็คโครกว่า 3.3 ล้านราย พบว่า พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หรือที่เรียกว่า ชีวิตวิถีใหม่ (นิวนอร์มอล) ซึ่งส่งผลต่อการที่ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นลูกค้าสมาชิกของเรา ต้องปรับรูปแบบในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องไปด้วย ไม่ว่าจะเป็น การที่ผู้บริโภคคุ้นชินกับการใช้โซเชียลมีเดีย มีการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น การหันมาใช้อีเพย์เม้นท์ เกิดกระแสทำอาหารทานเองในครอบครัว รวมทั้งลูกค้าใส่ใจในสุขภาพความปลอดภัยและคุณภาพของสินค้ามากขึ้น
“จากข้อมูลที่พบ เรานำมาปรับใช้ เพื่อร่วมแก้ปัญหาให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ทั้งโชห่วย เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจโฮเรก้า ให้ผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้ เช่น การยกระดับโครงการมิตรแท้โชห่วย ให้ร้านค้าปลีกรายย่อยกลายเป็น ‘ครัวชุมชน’ โดยการจัดแคมเปญตู้แช่แข็งและอาหารแช่แข็งพร้อมทานให้ร้านโชห่วยนำไปขายต่อ สอดรับกับกระแสผู้บริโภคซื้ออาหารทานใกล้บ้าน ทำให้โชห่วยมีรายได้เพิ่มขึ้น”
นอกจากนี้ หน่วยงานมิตรแท้โชห่วยของเรา ยังได้จัดโปรแกรมวิเคราะห์การขายสินค้าในร้านโชห่วยเพื่อแนะนำสินค้าขายดีที่ต้องมีติดร้าน สำหรับโชห่วยในยุคนิวนอร์มอล ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในงานวัน โชห่วยไทยครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม ที่จังหวัดนครสวรรค์ และจัดต่อเนื่องใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ
“ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อย แม็คโครโฮเรก้า อคาเดมี (MHA) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการร้านอาหารให้เข้มแข็ง ได้เปิดเพิ่มคอร์สอบรมการทำฟู้ดดิลิเวอรี่ ให้ร้านอาหารรายย่อย สามารถเพิ่มรายได้แม้ในภาวะที่นักท่องเที่ยวลดลง หรือการนั่งทานในร้านมีข้อจำกัด”
ขณะเดียวกัน ภายในทุกสาขาของแม็คโคร ได้เน้นย้ำรูปแบบการซื้อขายที่ปลอดภัย ยกระดับมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาด เสริมจากแนวปฏิบัติหลักของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานในการป้องกันการแพร่ระบาด แม้ว่ารัฐบาลจะมีการผ่อนคลายมาตรการแล้วก็ตาม
ในวาระครบรอบ 31 ปี แม็คโคร ยังขอเชิญชวนลูกค้าประชาชน พันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงาน มาร่วมบริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทย ณ แม็คโครทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน พ.ศ.2563 เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ซึ่งสภากาชาดไทย ขาดแคลนโลหิตสำรองเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีผู้บริจาคน้อยลง
“การทำธุรกิจในปัจจุบันจะมองเรื่อง กำไร อย่างเดียวไม่ได้ และเราไม่ได้ทำธุรกิจคนเดียว เราต้องทำงานเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน และสำคัญที่สุดคือ ต้องคำนึงถึงสังคมโดยรวมเป็นสำคัญ ดังนั้น แม็คโครจึงเน้นการปลูกจิตสำนึกและดีเอ็นเอของการพัฒนาที่ยั่งยืนให้กับพนักงานในทุกระดับ กว่า 20,000 คน เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กร สังคมและโลก ให้พร้อมก้าวไปด้วยกัน” นางสุชาดากล่าว