หัวเว่ยได้รับการจัดให้อยู่ในอั
รายงานของ Fortune ระบุว่า “กำไรสุทธิของหัวเว่ยเพิ่มสูงขึ้น 5.6% ในปี 2562 โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 มีรายได้สูงขึ้น 13.1% เมื่อเทียบปีต่อปี แม้ว่าทางบริษัทฯ จะยังประสบปัญหาพัวพันกับการเมืองในระดับโลก”
Fortune Global 500 คือการจัดอันดับบริษัทต่าง ๆ โดยวัดจากผลกำไรและรายได้ และเน้นในขนาดขององค์กรหากเทียบกับการจัดอันดับอื่นๆ ในระดับโลก การจัดอันดับนี้นับเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่บริษัทชั้นนำทั่วโลกนำมาใช้เพื่อประเมิน ขนาด ความแข็งแกร่ง และศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกของบริษัท นับเป็นมาตรวัดทางเศรษฐกิจระดับโลกที่ก้าวข้ามทุกเส้นแบ่งเขตแดน เชื้อชาติ และความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ในช่วงต้นปี 2563 หัวเว่ยยังได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 6 ของ 50 สุดยอดบริษัทที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม ประเมินโดย Boston Consulting Group หัวเว่ยก้าวกระโดดขึ้นมาถึง 42 อันดับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นอันดับที่สูงที่สุดตั้งแต่หัวเว่ยเคยได้รับการจัดอันดับในรายการ ตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2555 และนับเป็นอันดับที่สูงของยักษ์ใหญ่ในด้านโทรคมนาคม
นอกจากนี้ หัวเว่ยยังมุ่งมั่นสนับสนุนด้านนวัตกรรมเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 ในระดับโลก ด้วยการเปิดตัวโครงการ Anti-COVID-19 Partner Program ซึ่งให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีอย่าง AI การทำงานผ่านระบบทางไกล ระบบสาธารณสุขอัจฉริยะ และการศึกษาออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพในการรับมือโรคระบาดในครั้งนี้
“สภาพแวดล้อมภายนอกที่ซับซ้อนผลักดันให้เกิดความร่วมมือร่วมใจอย่างเปิดกว้างและความไว้วางใจในห่วงโซ่มูลค่าระดับโลกซึ่งมีความสำคัญกว่าที่เคยเป็นมา โดยหัวเว่ยให้คำสัญญาว่าบริษัทฯ จะยังคงเติมเต็มคำมั่นที่ได้ให้ไว้กับลูกค้าและซัพพลายเออร์อย่างเต็มความสามารถ และจะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคง พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาด้านเทคโนโลยีระดับโลกต่อไป” หัวเว่ยชี้แจงภายในงานแถลงผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2563 ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา