“บัตรแรบบิท” ตอกย้ำความเป็นผู้นำ “สมาร์ทการ์ด” สำหรับคนเมืองพร้อมก้าวสู่ปีที่ 9 ด้วยการเดินหน้าพัฒนาสู่เป้าหมายเพื่อการเป็น “One for All” หรือบัตรหนึ่งเดียวที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุค New Normal ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มการเดินทางการบริการและอื่นๆอีกมากมายโดยขยายกลุ่มผู้ใช้เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซนต์ในปี 64 โดยสิ้นปีนี้จะมีผู้ใช้บัตร 15 ล้านใบ
คุณไอรินทร์ อริยพงศ์สถิต ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางของบัตรแรบบิทในปีที่ผ่านมาว่า “เราได้เปิดตัวบัตรแรบบิทในฐานะสมาร์ทการ์ดที่ให้ความสะดวกสบายสำหรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส และร้านค้าพันธมิตรต่างๆไปแล้ว และวันนี้บัตรแรบบิทได้กลายเป็นบัตรที่ใช้สำหรับการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งในระบบขนส่งมวลชน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจบริการในหลายๆรูปแบบ โดยมุ่งมั่นที่จะวางบทบาทของบัตรใบนี้ให้ตอบสนองกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด”
“8 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้ออกบัตรแรบบิทไปแล้วกว่า 14 ล้านใบ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดเราเองก็เตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ถือบัตรให้ได้มากที่สุด ให้บัตรแรบบิทเป็นบัตรเดียวที่สามารถใช้ได้ทั้งช้อปกินและเที่ยวลดความเสี่ยงจากการสัมผัสเงินสด โดยเราได้ตั้งเป้าสิ้นปี 63 จะเพิ่มผู้ใช้บัตรเป็น 15 ล้านใบ และในปีหน้าจะมีคนใช้บัตรเพิ่มขึ้น 15-20 เปอร์เซนต์ เพราะได้มีการขยายการชำระเงินไปสู่ระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ
นอกเหนือจากรถไฟฟ้าบีทีเอส ไม่ว่าจะเป็นไมโครบัส Y70E (หมอชิต– ศาลายา) รถโดยสารประจำทางในหัวเมืองต่างๆทั้งภูเก็ตสมาร์ทบัสโพธิ์ทองบัส (สงขลา– หาดใหญ่) และ RTC เชียงใหม่รถประจำทางสาย 51 (ปากเกร็ด– มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) สาย 52 (ปากเกร็ด– บางซื่อ) สาย 104 (ปากเกร็ด– หมอชิต 2) สาย 147 (วงกลมเคหะธนบุรี) สาย 150 (ปากเกร็ด– บางกะปิ) และสาย 167 (เคหะธนบุรี– สวนลุมพินี) รวมไปถึงเรือโดยสารได้แก่เรือคลองภาษีเจริญเรือข้ามฟาก (ท่าพระจันทร์– ท่ามหาราช) เรือเจ้าพระยาทัวริสท์โบ๊ท (ธงฟ้า) และเรือด่วนปรับอากาศ (ธงแดง) ดังนั้นเราจึงต้องการชี้จุดยืนให้ชัดเจนว่าบัตรแรบบิทเป็นบัตรใบเดียวที่ใช้จ่ายค่าโดยสารขนส่งสาธารณะได้หลากหลายที่สุด”
“ในส่วนของร้านค้าและบริการผู้ถือบัตรสามารถใช้แทนเงินสดเพื่อซื้ออาหารเครื่องดื่มและความบันเทิง บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายพันธมิตรร้านค้าจนปัจจุบันมีร้านค้าพันธมิตรมากถึง 550 แบรนด์พร้อมจุดให้บริการกว่า 15,000 จุดครอบคลุมทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อร้านชากาแฟศูนย์อาหารรวมถึงร้านอาหารประเภท Quick Service Restaurant (QSR) เกือบทุกแบรนด์ทั่วประเทศอาทิสตาร์บัคส์, เคเอฟซี, อินทนิล, ทิมฮอร์ตันส์, บาร์บีคิวพลาซ่า, วัตสัน, บู้ทส์, ซูรูฮะ, เอสเอฟ, เอชแอนด์เอ็ม ฯลฯ
ร้านในเครือไมเนอร์ฟู้ด (Minor Food) เช่นบอนชอน, เบอร์เกอร์คิง, แดรี่ควีน, เดอะพิซซ่าคอมปะนี, ซิซซ์เล่อร์, สเวนเซ่น, เดอะคอฟฟีคลับ, เบซิลฯลฯ
ร้านในเครือซีอาร์จี (CRG) เช่นอานตี้แอนส์, ชาบูตง, โคล์ดสโตน, คัตสึยะ, เคเอฟซี, มิสเตอร์โดนัท, เปปเปอร์ลันช์, เทนยะ, เทอร์เรซ, โยชิโนยะฯลฯ
ร้านในเครือมัดแมน (Mudman) เช่นโอบองแปง, บาสกินร็อบบินและดันกิน
โดยผู้ถือบัตรแรบบิททุกใบจะได้รับส่วนลดพิเศษหรือสิทธิประโยชน์อื่นๆมากมายทำให้บัตรแรบบิทตอบโจทย์ความเป็น “One for All” โดยแท้จริง”
“นอกจากนี้บัตรแรบบิทยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนองความต้องการของภาคธุรกิจอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นบริษัทห้างร้านหรือองค์กรต่างๆ โดยบัตรแรบบิทสามารถที่จะเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานเพื่อเป็นบัตรเข้า – ออกอาคาร (Access Control) ใช้ชำระค่าอาหารเครื่องดื่มภายในโรงเรียนหรือองค์กร (Canteen Solution) เป็นบัตรประจำตัวพนักงาน (Employee ID card) หรือเป็นบัตรประจำตัวนักเรียน (Student ID card) โดยมีบริษัทและองค์กรชั้นนำต่างๆที่ใช้บัตรแรบบิทเช่นบริษัทสหพัฒนพิบูลจํากัด (มหาชน) บริษัทสิงห์เอสเตทจํากัด (มหาชน) บริษัทแสนสิริจำกัด (มหาชน) โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดีโรงเรียนนานาชาติเวอร์โซและคอนโดมิเนียมชั้นนำต่างๆที่ตั้งอยู่ใกล้กับเส้นรถไฟฟ้าบีทีเอสโดยบัตรแรบบิทใบเดียวกันนี้ยังสามารถจ่ายค่าโดยสารขนส่งสาธารณะและจ่ายค่าสินค้าบริการต่างๆได้อีกด้วยเพียงเติมเงินเข้าบัตรแรบบิทก็สามารถใช้งานได้ทันที”
“ในด้านการเติมเงินบริษัทฯได้เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ถือบัตรมากขึ้นด้วยการขยายจุดเติมเงิน จากเดิมที่เติมเงินได้ที่ห้องจำหน่ายตั๋วโดยสารบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสและรถโดยสารด่วนพิเศษบีอาร์ที วันนี้ผู้ถือบัตรแรบบิทสามารถเติมเงินกับพนักงานเก็บค่าโดยสารบนรถโดยสารสมาร์ทบัสสาย 51, 52, 104, 147, 150, 167 และร้านค้าพันธมิตรอย่างแมคโดนัลด์ 219 สาขาทั่วประเทศ เคอรี่เอ็กซ์เพรส 423 สาขาในกรุงเทพฯ และร้านสะดวกซื้อต่างๆเช่นเทสโก้โลตัส เอ็กเพลส มินิบิ๊กซี ลอว์สัน108 รวมไปถึงศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าชั้นนำได้แก่ศูนย์อาหารในเครือเดอะมอลล์ เครือซีพีเอ็น และอื่นๆอีกมากมาย และยังมีตู้เติมสบายพลัสที่อำนวยความสะดวกในบริเวณเส้นทางเดินรถสมาร์ทบัสสาย 104 และ 150 อีกด้วย และเพื่อให้การเติมเงินนั้นเป็นเรื่องง่ายบริษัทฯกำลังพัฒนาโมบายแอพลิเคชั่นให้กับผู้ถือบัตรแรบบิทได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยจะสามารถใช้งานกันได้ภายในต้นปีหน้านี้” คุณไอรินทร์กล่าวปิดท้าย
ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบัตรแรบบิทเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทฯยังมุ่งมั่นจะทำให้บัตรแรบบิทเป็นบัตรใบเดียว “One for All” ที่ครอบคลุมการชำระเงินในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ สินค้า และบริการต่างๆ ที่มาพร้อมความสะดวกสบาย รวดเร็ว ง่าย ประหยัดทั้งเงินและเวลา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) และเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมไร้เงินสดอย่างเต็มรูปแบบ