เพราะเนสเพรสโซเชื่อว่ากาแฟหนึ่งแก้วจากแคปซูลของเนสเพรสโซไม่เพียงแต่ส่งมอบช่วงเวลาแห่งความสุขให้แก่ผู้บริโภคเท่านั้นแต่ยังสร้างประโยชน์และความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้เช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาของการริเริ่มโครงการรีไซเคิลของเนสเพรสโซทั่วโลก และดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถนำอะลูมิเนียมจากแคปซูลที่ใช้แล้วกลับมารีไซเคิลเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ ดังจะเห็นได้จากการร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอาทิ Caran d’Ache (การองดาช) ในการผลิตปากการุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น จากแคปซูลอะลูมิเนียมที่ผ่านการรีไซเคิลแล้ว และการร่วมมือกับแบรนด์ Vélosophy (เวโลโซฟี) รังสรรค์จักรยานที่ทำจากอะลูมิเนียมของกาแฟแคปซูลที่ใช้แล้วมารีไซเคิลใหม่ในชื่อ RE:CYCLE (รี:ไซเคิล)จึงทำให้คอกาแฟมั่นใจได้ว่าการดื่มกาแฟของพวกเขาสามารถช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมได้เช่นกัน
ปรีติ ฮาลัย ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจ เนสเพรสโซประเทศไทย เปิดเผยว่า “นับเป็นระยะเวลา 3 ปีที่เราริเริ่มโครงการรีไซเคิลในประเทศไทยในปี 2017ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยการผลักดันโครงการรีไซเคิลโดยสนับสนุนให้ลูกค้านำแคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วกลับมาคืนที่ร้านเพื่อนำแคปซูลเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้มากที่สุดในปีนี้ เรายังคงยึดมั่นในพันธสัญญาแห่งความยั่งยืนที่ได้มอบไว้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อม ด้วยการตอกย้ำจุดยืน ได้แก่ การมอบชีวิตใหม่ให้ “อะลูมิเนียม” (2nd Life Aluminium), การมอบชีวิตใหม่ให้ “กากกาแฟ” (2nd Life Coffee Ground) นอกจากนี้ เรายังประกาศเจตนารมณ์ในการเป็นองค์กรปลอดคาร์บอน 100% ภายในปี 2022”
การมอบชีวิตใหม่ให้ “อะลูมิเนียม” (2nd Life Aluminium) เนสเพรสโซต่อยอดความตั้งใจในการผลักดันโครงการรีไซเคิลด้วยการส่งกาแฟ Master Origins Columbia (มาสเตอร์ ออริจินส์ โคลอมเบีย) แคปซูลกาแฟรสชาติแรกที่ผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิลแล้วถึง 80% และตั้งเป้าว่าภายในปี 2021 จะผลิตแคปซูลกาแฟจากอะลูมิเนียมรีไซเคิลให้ครบทุกรสชาติ
เพราะทุกส่วนประกอบในแคปซูลเนสเพรสโซสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไม่ใช่เพียงแค่บรรจุภัณฑ์อะลูมิเนียมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกากกาแฟอีกด้วย จึงเกิดเป็นพันธสัญญาแห่งความยั่งยืนอีกหนึ่งประการคือ การมอบชีวิตใหม่ให้ “กากกาแฟ” (2nd Life Coffee Ground) โดยหลังจากคัดแยกอะลูมิเนียมออกจากกากกาแฟแล้วกากกาแฟจะถูกนำกลับมาใช้ในรูปแบบของปุ๋ยธรรมชาติสำหรับการเกษตรกรรม ซึ่งจะมีค่าไนโตรเจนสูง เหมาะแก่การเป็นปุ๋ยสำหรับผักใบนอกจากนี้ กากกาแฟยังมีประโยชน์อื่นๆ อาทิ เป็นส่วนผสมของสครับขัดผิวเพื่อให้ผิวกระจ่างใส และสามารถกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เสื้อผ้าหรือตู้เย็นได้ เป็นต้น
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการรีไซเคิลของเนสเพรสโซ สามารถเข้าไปชมได้ที่ https://www.nespresso.com/th/th/our-choices/sustainable-coffee-qualityและสามารถติดตามข่าวสารรวมทั้งกิจกรรมของ Nespressoได้ที่ Facebook.com/Nespresso.thailand, Instagram: @Nespresso.th #NespressoTH, Line: @NespressoTH