บ. ฮิตาชิ (TSE: 6501, “ฮิตาชิ”) และ บจก. ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) เปิดตัว “ศูนย์ลูมาด้า กรุงเทพ แอนเน็กซ์ แห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Lumada Center Southeast Asia Bangkok Annex” (ในที่นี้คือ “ศูนย์ลูมาด้า กรุงเทพ แอนเน็กซ์”) ณ สำนักงานประจำภูมิภาคในประเทศไทยของฮิตาชิเอเชียที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานต่อเนื่องของบริษัทในการสนับสนุนนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” และกระบวนการพัฒนาเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในด้านการผลิตอัจฉริยะและเมืองอัจฉริยะ
หลังจากเปิดตัวศูนย์ลูมาด้า แห่งแรกของฮิตาชิที่จังหวัดชลบุรี(2) ในปี พ.ศ.2561 ฮิตาชิได้ดำเนินงานในการสร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้าหลากหลายโครงการ โดยเฉพาะในสายการผลิตและลอจิสติกส์ การเปิดศูนย์ลูมาด้า กรุงเทพ แอนเน็กซ์ จะช่วยฮิตาชิขยายธุรกิจในการให้บริการโซลูชั่นส์ดิจิทัลที่เหมาะสำหรับพันธมิตรทางธุรกิจและลูกค้าในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ศูนย์ลูมาด้า ทั้งสองแห่งในประเทศไทยจะทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานให้แก่สำนักงานประจำภูมิภาคของฮิตาชิเอเชีย ในการเชื่อมโยงและเข้าถึงลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนหลักของศูนย์ลูมาด้า กรุงเทพ แอนเน็กซ์ คือห้องโคครีเอชั่น (Co-creation room) ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์ความคิด รวมทั้งประสานแนวคิดและการทำงานร่วมกันผ่านการวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าแต่ละรายในเชิงลึกผ่านกระบวนการ NEXPERIENCE(3) ซึ่งเป็นวิธีการเฉพาะสำหรับการสร้างสรรค์แนวคิดร่วมกับลูกค้าที่พัฒนาโดยฮิตาชิ เพื่อนำมาซึ่งข้อมูลที่ได้จากมุมมองและการหารือหลายๆ ด้านจากการทำเวิร์คช็อปร่วมกับลูกค้า
นายโยชิฮิโระ ซูเกตะ กรรมการผู้จัดการ บจก. ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การเปิดตัวศูนย์ลูมาด้า กรุงเทพ แอนเน็กซ์ ทำให้ในตอนนี้เรามีช่องทางเพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสนับสนุนการพัฒนาเพื่อเศรษฐกิจแบบเพิ่มมูลค่าในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ในปัจจุบัน ภาคอุตสาหกรรมหลายส่วนกำลังเผชิญกับความกดดันจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกระบวนการพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล คือหนึ่งในแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัทเหล่านี้ ซึ่งมีความสำคัญต่อภาคการผลิตและลอจิสติกส์เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากภาคส่วนเหล่านี้โดยปกติมักพึ่งพาแรงงานคน โดยการใช้กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุดในกระบวนการผลิต และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทั้งซัพพลายเชน
กระบวนการพัฒนาธุรกิจด้วยการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ซึ่งเป็นเครื่องมือการวิเคราะห์และใช้ขีดความสามารถทางเอไอ เช่น การตรวจสอบผ่านระบบทางไกล สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติงานและความสามารถในการผลิตได้ในภาพรวม
นายอะกิฮิโระ โอฮาชิ กรรมการบริหาร บจก.ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ศูนย์ลูมาด้า กรุงเทพ แอนเน็กซ์ คืออีกหนึ่งจุดเชื่อมโยงของฮิตาชิเพื่อเร่งกระบวนการพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการสร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้า เรามีความยินดีที่สามารถสนับสนุนภาคธุรกิจที่หลากหลายในการบรรลุผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้น โดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน”
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อสังคมในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮิตาชิจะสานต่อการสร้างสรรค์ร่วมกับลูกค้าและพันธมิตร เพื่อสร้างโซลูชั่นส์ดิจิทัลเฉพาะทางให้สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจที่แตกต่างกันไป ภายใต้รูปแบบ “นิวนอร์มัล”