หนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องที่จะลงจอปลายปีอย่าง ‘เจมส์ บอนด์ No Time To Die’ และหนังซูเปอร์ฮีโรอย่าง ‘Black Widow’ ที่น่าจะดึงคนเข้าโรงภาพยนตร์ได้ต่างทยอยประกาศเลื่อนวันฉายไปเป็นปีหน้า ส่งผลให้ธุรกิจ ‘โรงภาพยนตร์’ อยู่ในสภาวะลูกผีลูกคนแทบไม่ต่างจากธุรกิจสายการบิน
ล่าสุด เครือโรงภาพยนตร์ ‘AMC’ ซึ่งเป็นเครือข่ายโรงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จำต้องหาทางรอดด้วยการขายหุ้นคลาส A มากถึง 20 ล้านหุ้นเพื่อให้ได้เงินทุนใหม่มูลค่าเกือบ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อต่อชีวิตเพราะอาจล้มละลายเนื่องจากพิษ COVID-19 โดยในไตรมาส 3 AMC มีรายได้เพียง 119.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปีที่ผ่านมาทำได้ถึง 1.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
แม้ปัจจุบันโรงหนังของ AMC จะกลับมาเปิดแล้วถึง 494 แห่ง จากทั้งหมด 598 แห่ง แต่เพราะยังขาดหนังใหญ่ที่มีแรงดูดคน แถมโรงภาพยนตร์อีก 17% ที่เหลือนั้นตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ซึ่งเป็นตลาดสำคัญทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐวอชิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา และรัฐแมรีแลนด์ โดยโรงหนังในพื้นที่เหล่านี้เคยทำรายได้เกือบ 1 ใน 4 ของรายได้ทั้งหมดเลยทีเดียว ดังนั้นสถานการณ์ของ AMC จึงยังไม่ดีขึ้น
ไม่ใช่แค่ COVID-19 แต่ก่อนหน้านี้บริษัท AMC มีหนี้อยู่แล้วกว่า 4.75 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหนี้ดังกล่าวเกิดจากการสร้างโรงภาพยนตร์ที่มีที่นั่งหรูหราและจากการซื้อคู่แข่งเช่น Carmike และ Odeon ซึ่งทำให้บริษัท AMC ยิ่งตกที่นั่งลำบากเข้าไปใหญ่ ดังนั้น AMC จึงต้องพยายามขายหุ้นเพื่อให้ได้เงินทุนมาต่อชีวิต
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี AMC มีรายได้ 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ปีที่ผ่านมาทำรายได้ไป 4.02 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
