แอมเวย์เผยภาพรวมความสำเร็จตลอดทั้งปีที่ผ่านมา พร้อมประกาศความมั่นใจไตรมาสสุดท้ายยอดขายจะแตะ 20,800 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 3% อย่างแน่นอน โดย 3 ไตรมาสที่ผ่านมาของปีนี้ แอมเวย์มียอดขายโตต่อเนื่อง เป็นผลจากความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมใส่ใจสุขภาพมากขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2564 แอมเวย์เตรียมพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็น Innovative Products เพื่อนำเสนอประสบการณ์ใหม่ของสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
นายกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2563 ที่ผ่านมา ทั่วโลกได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบมายังภาคเศรษฐกิจของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับแอมเวย์เองได้มีการวางแผนการดำเนินธุรกิจให้ยังสามารถเดินหน้าสนับสนุนนักธุรกิจแอมเวย์และลูกค้าในช่วงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ด้วยการปรับกลยุทธ์การตลาดแบบยืดหยุ่นตลอดเวลาทั้งในด้านออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคและผลักดันยอดขาย โดยช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา แอมเวย์สามารถรักษาการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และสิ้นปี 2563 แอมเวย์มั่นใจมากว่าจะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ถึง 20,800 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 3%”
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา แอมเวย์ได้ชูความเป็นเลิศในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะหนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของปีนี้มาจากยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพที่สามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 65% จากยอดขายรวมของทุกผลิตภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจจากมินเทล บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก ที่พบว่าผู้บริโภคชาวไทย 82% ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก ซึ่งส่วนใหญ่เลือกที่จะดูแลสุขภาพด้วยการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลจะเป็นกลุ่มที่ใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดที่สุด และวัตถุประสงค์หลักในการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคือเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและเพื่อความสวยงาม และอีกหนึ่งปัจจัยเร่งที่ทำให้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้นคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้
นายกิจธวัชกล่าวต่อว่า “การที่แอมเวย์ยังคงสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตขึ้นในทุกไตรมาสและส่งผลให้แอมเวย์ประสบความสำเร็จได้นั้น ปัจจัยหลักคือความโดดเด่นของแบรนด์นิวทริไลท์ ซึ่งเป็นแบรนด์ด้านวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารระดับโลกเพียงแบรนด์เดียวที่เพาะปลูก เก็บเกี่ยว และมีกระบวนการผลิตด้วยระบบฟาร์มชีวภาพของตนเองที่ผ่านการรับรองแล้ว* ซึ่งปัจจุบันเราเป็นเจ้าของฟาร์มออร์แกนิคถึง 4 แห่งใน 3 ประเทศ (สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก บราซิล) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 15,000 ไร่ และด้วยแนวคิด Seed to Supplement ของนิวทริไลท์ ที่ดูแลตั้งแต่ดิน พืช เมล็ดพันธุ์ เพื่อให้ได้ส่วนผสมหลักจากธรรมชาติที่ประกอบกันเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่บริสุทธิ์ ปลอดภัย และได้ผลดีที่สุด จึงทำให้เป็นจุดแข็งของแอมเวย์ในการตอบโจทย์ผู้ที่ตระหนักถึงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์จึงส่งผลให้ลูกค้าของแอมเวย์มีความภักดีต่อแบรนด์สูง และมีการซื้อสินค้าซ้ำอยู่เสมอ”
นางรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า“ตลอดปีที่ผ่านมาแอมเวย์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลากหลายรายการครอบคลุมการดูแลสุขภาพให้ตรงความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น ‘ทรูวิวิตี้ บาย นิวทริไลท์’ และ ‘นิวทริไลท์ โพรไบโอติก’ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายอันดับต้นของเรายังคงเป็นผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก ‘บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์’ และ ‘นิวทริไลท์ โปรตีน’ ที่ยังได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่อง และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้คนหันมาสนใจในเรื่องระบบภูมิคุ้มกันมากขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์โดยรวมตลอดทั้งปีจะเติบโตกว่า 13,500 ล้านบาท หรือโตประมาณ 7% จะเห็นได้ว่าแอมเวย์มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอยู่เสมอเพื่อตอบเทรนด์สุขภาพ รวมถึงการใส่ใจตัวเองของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น”
“ด้วยการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ของแอมเวย์ให้ทันสถานการณ์ต่างๆ อยู่เสมอ รวมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่ช่วยสนับสนุนให้แอมเวย์สามารถสร้างการเติบโตได้ภายใต้สถานการณ์วิกฤต จึงทำให้ภาพรวมของแอมเวย์ในปีนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ สำหรับปี 2564 แอมเวย์จะยังคงเน้นในเรื่องของผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพแต่เพิ่มจุดเด่นในด้านผลิตภัณฑ์ที่เป็น Innovative Products เพื่อให้นักธุรกิจแอมเวย์ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ด้วยประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น” นายกิจธวัชกล่าวสรุป
*ที่มา: ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล; www.euromonitor.com/amway-claims