มาสเตอร์การ์ด จับมือ MatchMove และ Tappy เพิ่มความปลอดภัยเมื่อชำระเงิน ด้วยอุปกรณ์สวมใส่ทุกประเภท ด้วยเทคโนโลยีโทเค็นไนเซชั่นในชิปขนาดเล็ก

มาสเตอร์การ์ด ร่วมมือกับ แมตช์มูฟ (MatchMove) ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการเงินจากประเทศสิงคโปร์ และแท็ปปี้ เทคโนโลยี (Tappy Technologies) ผู้นำระดับโลกในการผสานเทคโนโลยีการชำระเงินเข้ากับอุปกรณ์สวมใส่ เปิดตัวการชำระเงินแบบคอนแทคเลสด้วยชิปขนาดเล็กที่มาพร้อมเทคโนโลยีโทเค็นไนเซชั่น โดยชิปขนาดเล็กนี้สามารถนำไปฝังติดกับอุปกรณ์สวมใส่ที่ไม่มีแบตเตอรี่หรือเครื่องประดับใดก็ได้ เช่น สายนาฬิกาข้อมือและพวงกุญแจ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นอุปกรณ์ที่สามารถนำไปใช้ชำระเงินแบบคอนเทคเลสได้อย่างปลอดภัย

ปัจจุบันผู้ถือบัตรของแมตช์มูฟสามารถผูกบัตร MatchMove Mastercard® เข้ากับชิปได้แล้ว เพียงวางอุปกรณ์สวมใส่หรือเครื่องประดับที่ฝังชิปเรียบร้อยแล้วลงบนดีไวซ์ที่เชื่อมต่อบลูทูธได้ของทางแท็ปปี้ เทคโนโลยี จากนั้นดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของแท็ปปี้และทำตามคำแนะนำในแอพฯ โดยข้อมูลสำคัญของบัตร MatchMove Mastercard® ซึ่งจะถูกเก็บอยู่บนชิปจะถูกเข้ารหัสด้วยเทคโนโลยีโทเค็นของมาสเตอร์การ์ดที่มีชื่อว่า Mastercard’s Digital Enablement Services (MDES) เมื่อทำการเชื่อมต่อกับดีไวซ์ผ่านบลูทูธ จากนั้นผู้ถือบัตรสามารถนำอุปกรณ์สวมใส่ที่ผูกบัตรสำเร็จแล้วไปใช้จ่ายตามจุดชำระเงินที่รับคอนแทคเลสเพย์เมนต์ได้เหมือนใช้จ่ายด้วยบัตรคอนแทคเลสหรือดิจิทัลวอลเล็ต

โทเค็นไนเซชั่น คือมาตรฐานความปลอดภัยชั้นนำของการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ การผสานเทคโนโลยีโทเค็นไนเซชั่นเข้ากับผลิตภัณฑ์ของแท็ปปี้ถือเป็นก้าวสำคัญในยุคที่ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดเพื่อรักษาความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและเพื่อปฎิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ผลสำรวจทั่วโลกประจำปี 2563 ของมาสเตอร์การ์ด พบว่า 91% ของผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังใช้จ่ายแบบคอนแทคเลส ในขณะที่ 75% ระบุว่าพวกเขาจะยังคงใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสต่อไปแม้การแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงเนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย

เกี่ยวกับ Tappy Technologies Limited, www.tappytech.com

แท็ปปี้ เทคโนโลยี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา เป็นผู้นำระดับโลกในการผสานเทคโนโลยีการชำระเงินเข้ากับอุปกรณ์สวมใส่ และมีพันธมิตรด้านการธนาคารและเครือข่ายบัตรที่มีการดำเนินงานทั่วอเมริกาเหนือ เอเชียแปซิฟิก และยุโรปตะวันออกกลางและแอฟริกา บริการด้านดิจิทัลของเรา เช่น โปรแกรม TES (Token Enablement Services) และโปรแกรม PLC (Pre-Loaded Credential) ตลอดจนฮาร์ดแวร์ของเราได้รับความไว้วางใจและการรับรองตาม

มาตรฐานอุตสาหกรรม โดยโซลูชันการชำระเงินในอุปกรณ์สวมใส่ของแท็ปปี้ เทคโนโลยี ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้กับจุดชำระเงินที่รับคอนแทคเลสเพย์เมนต์ทั่วโลก เราได้เพิ่มฟังก์ชันการชำระเงิน การควบคุมการใช้งาน และการระบุตำแหน่งให้กับอุปกรณ์ธรรมดาๆ อย่างนาฬิกาและเครื่องประดับ โดยจัดเก็บข้อมูลสำคัญลงในชิปซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ใดๆ

เกี่ยวกับแมตช์มูฟ

แมตช์มูฟ เป็นหนึ่งในบริษัทฟินเทคที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากให้กับโลกดิจิทัลเพย์เมนต์และการธนาคารในยุคอนาคต เทคโนโลยี Banking Wallet OS™ เป็นกรรมสิทธิ์ของแมตช์มูฟที่ทำให้ตัวบริษัทสามารถสร้างเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้ รวมทั้งให้บริการเทคโนโลยี Spend.Send.Lend™ ภายในแอพใดก็ได้

ด้วยเล็งเห็นว่า โลกของการให้บริการทางการเงินในระบบดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่เงินสดและเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โซลูชันของแมตช์มูฟช่วยให้ลูกค้าที่เป็นองค์กรสามารถชำระเงินแบบดิจิทัลได้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้กลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในแบบดั้งเดิมยังสามารถทำธุรกรรมได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา

แมตช์มูฟได้ใบอนุญาตจากธนาคารกลางสิงคโปร์ และได้รับอนุญาตจากเครือข่ายบัตรชั้นนำในการออกบัตรเสมือนจริงและบัตรจริงให้กับผู้ใช้ในเขตที่ได้รับอนุญาต หรือพื้นที่อื่นทั่วโลกร่วมกับธนาคารพันธมิตร แมตช์มูฟมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ และมีสำนักงานย่อยอยู่ที่อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.matchmove.com

เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด www.mastercard.com

มาสเตอร์การ์ด เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกด้านการชำระเงิน เป้าหมายของเราคือการเชื่อมต่อและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้ครอบคลุมและเป็นประโยชน์แก่คนทุกคนในทุกพื้นที่ โดยการทำให้ธุรกรรมการเงินเป็นเรื่องปลอดภัย สะดวก และเข้าถึงได้ ด้วยข้อมูลที่ปลอดภัยและเครือข่ายพันธมิตร ทำให้เรามีนวัตกรรมและโซลูชั่นต่างๆ ที่สามารถช่วยบุคคลทั่วไป สถาบันการเงิน รัฐบาล และธุรกิจให้ตระหนักถึงศักยภาพของตัวเอง การทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อคนในองค์กร คือวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนทั้งภายในและภายนอกองค์กรของเรา ด้วยเครือข่ายในกว่า 210 ประเทศและพื้นที่ เราได้สร้างโลกที่ยั่งยืนและปลดล็อคความเป็นไปได้ในหลายๆ ด้าน