วีเอ็มแวร์คาดการณ์ 5 เทรนด์เทคโนโลยีที่องค์กรต้องรู้เพื่อรับมือปีแห่งสถานการณ์ที่ยากจะคาดเดา

Close-up of Technical Engineer Working on His Computer With Multiple Displays in Monitoring Room. In the Background His Colleagues with Graphics and Various Data on Their Monitors.

บทความโดย นายเอกภาวิน สุขอนันต์ ผู้จัดการวีเอ็มแวร์ประจำประเทศไทย

แน่นอนว่าทุกๆ ปี แต่ละองค์กรจะต้องมีแผนการทำธุรกิจซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมา แต่แผนที่วางไว้กลับไม่สามารถนำมาใช้ได้ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันองค์กรต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ประกาศใช้แผนรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างรวดเร็วและพักแผนงานใหม่ๆ ไว้ก่อน ซึ่งบางคนอาจคิดว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้เป็นปีที่จะเห็นได้เทคโนโลยีเกิดใหม่ด้วยซ้ำ แต่แท้จริงแล้วเรากลับได้เห็นองค์กรต่างๆรับมือความท้าทายที่เกิดขึ้นด้วยการปรับใช้โซลูชันหลากหลาย

ข้อมูลต่อไปนี้ ส่วนหนึ่งได้มาจากการสังเกตการณ์ในปี 2563 และการคาดการณ์ทิศทางของเทคโนโลยีระดับองค์กร 5 เทรนด์ในปี 2564

  1. เทคโนโลยี Edge กลายเป็นหน้าด่านสำหรับนวัตกรรมใหม่

สิ่งอัศจรรย์ที่กำลังเกิดขึ้นจากเทคโนโลยี Edge ซึ่งได้ปรากฏให้เราเห็นอย่างชัดเจนในปี 2563ที่ผ่านมาตัวอย่างหนึ่งคือการที่ United Overseas Bank (UOB) ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำในเอเชียก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในองค์กรที่เร็วที่สุดในอาเซียนสามารถติดตั้งเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยให้กับเวอร์ชวลเดสก์ท็อป (secure virtual desktop) สำหรับทีมนักพัฒนาไอที 3,000 คนโดยดำเนินการเสร็จในเวลาเพียง 21 วัน จากปกติที่ต้องใช้เวลาถึงสามเดือน

หลายองค์กรในภูมิภาคนี้กำลังลงทุนในเทคโนโลยี Edge ที่มีอยู่แล้ว เพื่อรับมือและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และในปีหน้าเราจะยังคงเห็นการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีEdge อย่างต่อเนื่อง

ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของเครือข่ายส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของพนักงานและลูกค้า ด้วยเหตุนี้จึงนำไปสู่การเปิดตัว SD-WAN ที่ขยายขอบเขตในเทคโนโลยี Edge ให้กว้างขึ้นไปถึงระดับโฮมออฟฟิศ ด้วย SaaS-delivered solutions (รวมถึงฮาร์ดแวร์)อย่างง่าย จะช่วยปรับปรุงความปลอดภัยและประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้นในทุกที่ที่พนักงานเลือกทำงาน และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นเทรนด์ด้วยโซลูชั่นเหล่านี้เป็นบรรทัดฐาน

นอกจากนี้ ผมคาดหวังว่าองค์กรต่างๆจะนำโซลูชัน Secure Access Service Edge (SASE) มาใช้มากขึ้น เนื่องจากในอนาคตเราจะพึ่งพาแอปพลิเคชันและบริการผ่านโครงสร้างพื้นฐานอันเนื่องมาจากการทำงานของซอฟต์แวร์การ deployed และการจัดการเพื่ออัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อพัฒนากระบวนการจัดซื้อแบบเดิมองค์กรต่างๆจะสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและความปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เทคโนโลยี Edgeกำลังถูกเพิ่มความชาญฉลาดให้มากขึ้นเรื่อย ๆด้วยความสามารถในการเรียนรู้ ตอบสนองและสามารถปรับใช้ให้เหมาะสมได้อย่างเรียลไทม์ นอกจากนี้เรายังเห็นโอกาสใหม่ๆ ในการรวมโครงสร้างพื้นฐานเข้าด้วยกัน, ลดจำนวน appliances เฉพาะที่ต้องใช้เพื่อตอบสนองความต้องการด้านเทคโนโลยี ซึ่งถือเป็นการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นเนื่องจากเป็นการเปิดประตูสู่โซลูชันอันคุ้มค่าที่นับว่าเป็นการปรับปรุงให้ดีขึ้นไปโดยอัตโนมัติ, ทั้งด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในขณะเดียวกันก็ลดต้นทุนไปในคราวเดียวกัน

2. การกระจายอำนาจของ Machine Learning

เราเริ่มเห็นการนำFederated Machine Learning (FML)มาใช้งานในกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในทุกอุตสาหกรรมองค์กรต่างๆกำลังคิดค้นกระบวนการที่จะทำให้องค์กรสามารถนำข้อมูลมาขับเคลื่อนการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นไปพร้อมกับการใช้ประโยชน์จากการตามรอยต้นแบบเทคโนโลยีที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย

ด้วยความสามารถในการประมวลผลได้ทุกที่การเรียนรู้แบบรวมศูนย์(Federated Learning) ช่วยให้องค์กรต่างๆสามารถสอนโมเดล ML โดยใช้ชุดข้อมูลที่พวกเขามี โปรเจกโอเพนซอร์สเช่น FATE และ Kubeflow กำลังได้รับความสนใจ ผมคาดว่าการเกิดขึ้นของแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่ายบนแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยเร่งให้เกิดการนำไปใช้

จากการนำ ML มาใช้อย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้ เป็นตัวเร่งให้เกิดการขับเคลื่อนโซลูชันแบบครบวงจรที่ต้องการสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์ “ผู้ใช้งานทุกคน” องค์กรเหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากการใช้ML โดยไม่ต้องลงทุนสูงสร้างทีมวิทยาการข้อมูล(data science teams)– อันเป็นเรื่องยากที่ท้าทายขององค์กร เนื่องจากปัจจุบันยังขาดแคลนในส่วนของนักวิทยาการข้อมูล

Bearded IT Technician in Glasses with Laptop Computer and Black Male Engineer Colleague are Using Laptop in Data Center while Working Next to Server Racks. Running Diagnostics or Doing Maintenance Work

3. แรงหนุนต่ออายุโครงการWorkplace 2.0

จากการแพร่ระบาดของโควิดทำให้เกิดแรงผลักดันมากมายเกี่ยวกับWorkplace 2.0 ขึ้นอีกครั้ง

AR และ VR กำลังได้รับความสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาใช้ฝีกอบรมพนักงานการนำ AR มาใช้ในการนำทาง (เช่น นำมาใช้ค้นหาที่ตั้งสาขาในองค์กร) และในการประชุมออนไลน์ ถึงแม้จะยังต้องการการผลักดันให้เกิดการยอมรับและมีการนำหลักการนี้ไปประยุกต้ใช้มากขึ้น ในปี 2564 เราจะเห็นได้ว่ามีการนำ AR และ VR มาใช้มากขึ้นอันเนื่องมาจากความก้าวหน้าในเทคโนโลยีระดับองค์กรที่มุ่งเน้นในเรื่องของความปลอดภัย, ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน และโซลูชันต่าง ๆ เพื่อการบริหารจัดการอุปกรณ์

ช่องว่างที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ VR ในความคิดของผมคือไม่มี Microsoft PowerPoint ที่รองรับการใช้งานVRกล่าวอีกนัยหนึ่งในอนาคต หากผมสามารถทำคอนเทนท์ 3 มิติได้อย่างรวดเร็วที่สามารถใช้ในVR ได้ วันนี้ยังไม่มีเครื่องมือที่ช่วยในการสร้างคอนเทนท์ 3 มิติที่สมบูรณ์ได้ทุกมิติอย่างรวดเร็วที่ใช้ประโยชน์จากภาพพาโนรามา 360 องศา ผ่านVR ผมหวังว่านี่จะเป็นจุดที่นักพัฒนาเทคโนโลยี AR และ VR จะมุ่งเน้นต่อไปในอนาคต

  1. วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของความปลอดภัยที่แท้จริงและการปกป้องข้อมูล

ตามรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคามทั่วโลกของวีเอ็มแวร์ คาร์บอนแบล็ค (VMware Carbon Black’s Global Threat Report) ฉบับประจำปี 2563 เผยให้เห็นว่า ความถี่ในการโจมตีทางไซเบอร์สูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดย 76% ของผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของ APJ ต้องเผชิญกับปริมาณการโจมตีที่เพิ่มขึ้น

ในปี 2564 การให้ความสำคัญในการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ๆ จะกลับมาอีกครั้ง เหตุจากทั้งแรนซัมแวร์และการรักษาความปลอดภัยในระดับ edge เข้ามาอยู่ในความสนใจมากขึ้น จากการประสบการณ์ที่ผ่านมาที่การโจมตีของแรนซัมแวร์ไม่ได้จำกัดเป้าหมายอยู่แค่ฐานข้อมูลเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงการสำรองข้อมูลและระบบแบ็กอัพอีกด้วย แม้กระทั่งระบบการกู้คืนก็ยังถูกโจมตีอีกด้วย

เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีปกป้องระบบและข้อมูลและกลับมาทบทวนตั้งแต่ต้นว่าการสำรองและกู้คืนระบบมีขอบเขตครอบคลุมถึงอะไรบ้าง โซลูชันเดิม ๆ ที่มีการนำเสนอการป้องกันแบบ static และการกู้คืนจะกลับมาอาจเผชิญกับความชะงักงันอีกครั้งเหมือนในปีที่ผ่านมาก

เมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยี Edgeประกอบกับจำนวนเทคโนโลยีที่ต้องตัดสินใจมีเพิ่มมากขึ้นตามสายงานธุรกิจ – บางครั้งอยู่ในระดับท้องถิ่นและยังไม่มีระบบไอทีเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้สร้างความท้าทายมานานแล้ว เพราะมีการนำสมาร์ทดีไวซ์และอุปกรณ์ต่อเชื่อมมาใช้งานกับ edge อย่างรวดเร็วจนกระบวนการทางไอทีแบบตั้งเดิมไม่สามารถตามได้ทัน ในขณะที่เราพยายามปรับใช้โซลูชันให้สอดคล้องกัน แต่เราก็จำเป็นต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าความต้องการและความคล่องตัวของธุรกิจอาจขัดแย้งกันได้

ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องพิจารณาเทคโนโลยีที่เปิดกว้างที่สามารถเชื่อมต่อกับ Edge เทคโนโลยี และมีการบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับระบบที่มีได้แทนที่จะโต้เถียงเพื่อสิทธิ์การควบคุม หัวหน้าระบบรักษาความปลอดภัยควรจะยอมกับถึงระดับของความสับสนวุ่นวายที่มี และหันมาคิดริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ โดยมีการรับมือกับความวุ่นวายที่อาจะเกิดขึ้นแทนที่จะเข้าควบคุมแบบเบ็ดเสร็จ

  1. ประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อจัดการความท้าทายเดิม ๆ

ในปี 2564 นี้ สิ่งที่เราเคยมองว่าเป็นเรื่องเก่าจะกลายเป็นเรื่องใหม่อีกครั้ง ลองพิจารณาในอีกมุมจะเห็นว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ สามารถมาช่วยแก้ปัญหาเก่าๆ ได้อย่างไรบ้าง

ตัวอย่างเช่น, ในการประมวลผลแบบยั่งยืนมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในดาต้าเซ็นเตอร์แบบดั้งเดิมโดยปัจจุบันนี้VMware มีโครงการxLabsเพื่อช่วยลูกค้าเพิ่มประสิทธิภาพระบบควบคุมลมเย็นและลมร้อนของห้องดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผลการศึกษาที่เผยให้เห็นถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยผ่านแพลตฟอร์มการบริหารระบบการจัดการความร้อนของดาต้าเซ็นเตอร์

และในไม่ช้านี้ MLอาจเข้ามาช่วยปรับปรุงความสามารถในการเข้าถึงและในทางกลับกันจะช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาซอฟต์แวร์อีกด้วย

ในปี 2563 ที่ผ่านมาเป็นปีแห่งความก้าวหน้าที่มุ่งมั่น ความท้าทายที่คาดไม่ถึงสอนให้เราวางแผนและออกแบบเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และเราต้องมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้เข้ากับวิธีการใช้ชีวิตและการทำงานใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น

และในปี 2564 นี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะนำพาสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาไม่ว่าชีวิตในรูปแบบใหม่จะเป็นเช่นไร และผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่าความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะนำพาวิถีแบบใหม่มาให้เราในรูปแบบใด