อมาโด้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท รีแบรนดิ้ง ดีเดย์ 1 มี.ค. 64 ปักธง 3 ปีขึ้นแท่น 1 ใน 3 แบรนด์วิตามินเสริมอาหารของไทย

อมาโด้ ทุ่มงบ 50 ล้านบาท ประกาศรีแบรนด์ดิ้งใหม่พร้อมกันทั่วประเทศ 1 มีนาคมนี้ ด้วยคำมั่นสัญญาใหม่ “We Live For Your Health” ยึดมั่นธรรมาภิบาลมุ่งมั่นจากการวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเปลี่ยนโลโก้อมาโด้เป็นรูปโล่ สื่อถึงเกราะป้องกันสุขภาพของคนไทย และปรับแพคเกจจิ้งใหม่ทั้งหมด ส่งแบรนด์มัดใจผู้บริโภคขยายฐาน Loyalty Consumer ให้มากขึ้น มุ่งสู่แบรนด์ชั้นนำ 1 ใน 3 ของตลาดภายใน 3 ปี เตรียมแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตอบโจทย์สุขภาพครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์ พร้อมเพิ่มขุมพลังเทเลเซลล์ 200 คู่สาย ให้บริการลูกค้าและสะสมข้อมูลลูกค้าสู่การทำการตลาดแนวรุก

นายธนาตรัยฉัตร ภูโชคอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ อมาโด้ (Amado) ผู้เชี่ยวชาญด้านวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชั้นนำ  เปิดเผยว่า บริษัทจะทำการรีแบรนด์ Amado อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 โดยจะรีแบรนด์แบบเมเจอร์เชนจ์ (Major Change) ครบทุกมิติ ตั้งแต่กระบวนการทำงานภายในองค์กรไปสู่ภายนอก เพื่อรองรับธุรกิจที่เติบโตมากขึ้น มั่นคงมากขึ้น เริ่มจากการปรับเปลี่ยนโลโก้ Amado ดึงรูปหัวใจออกมาเป็นรูปโล่ (Shield) เพื่อให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของแบรนด์ที่ต้องการเป็นเกราะกำบังสุขภาพของผู้บริโภคชาวไทยและต่างประเทศที่วางใจบริโภคสินค้าแบรนด์ Amado

รีแบรนด์คำมั่นสัญญาของแบรนด์ (Brand Promise) ใหม่ เป็น “We Live For Your Health” ตามวิสัยทัศน์ “Vitamin & Supplement’s Expert” เพื่อตอกย้ำเป้าหมายที่มุ่งมั่นเป็นที่ 1 ในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทยและระดับเอเชีย เพื่อสร้างความมั่นใจต่อผลิตภัณฑ์และตอกย้ำความตั้งใจในการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์สุขภาพอันดีของผู้บริโภค รีแบรนด์โปรดักส์ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกการเปลี่ยนแพคเกจจิ้งผลิตภัณฑ์ Amado ใหม่ทั้งหมด ให้มีรูปลักษณ์ทันสมัยมากยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับแนวทางการสื่อสารของ      แบรนด์ ส่วนที่สอง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ส่งเสริมโภชนาการให้ผู้บริโภคได้รับสารอาหารที่เพียงพอและได้รับประโยชน์สูงสุดที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันยึดหลักโภชนาการในระดับ Optimal Levels เพื่อให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี จากการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% อย่างถูกต้องปลอดภัย ตอบโจทย์การดูแลรักษาสุขภาพของคนผู้บริโภคมากขึ้น ทั้งในกลุ่มบำรุงสายตา กลุ่มการเจริญเติบโตในเด็ก กลุ่มบำรุงกระดูกข้อ กลุ่มเกี่ยวกับระบบย่อย และกลุ่มบำรุงสมอง เป็นต้น ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่หันมาดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดทุกไตรมาส เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและขยายฐานลูกค้าไปหลายเซ็กเมนท์มากขึ้น

“ที่ผ่านมา Amado มีข้อจำกัดหลายอย่างเพราะมาจากสตาร์อัพ วันนี้ Amado ไม่ใช่ เชน ธนา อีกต่อไปแต่เป็นบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารคุณภาพได้มาตรฐานเทียบเท่าแบรนด์ระดับสากล ที่กำลังเดินหน้าและอยู่ในกระบวนการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ขับเคลื่อนองค์กรด้วยพนักงานกว่า 250 ชีวิต สร้างช่องทางขายที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแบบทันทีทันใด (Real-Time Strategic Platform) ด้วยดีลเลอร์ที่มีศักยภาพในการขายรวม 50 ราย พร้อมร้านอมาโด้ จำนวน 100 แห่งทั่วประเทศ กระจายอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำและแหล่งชุมชนชั้นนำทั่วประเทศ”  นายธนาตรัยฉัตร กล่าว

นายธนาตรัยฉัตร กล่าวเสริมว่าการรีแบรนด์ครั้งนี้เป็นหนึ่งในภารกิจนำแบรนด์ Amado ขึ้นแท่นอันดับ 1 ใน 3 ในแง่ยอดขายของแบรนด์ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในตลาดประเทศไทย พร้อมสร้าง Loyalty Consumer ให้ครองใจผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ Amado ยังได้เดินหน้าเพิ่มทัพเทเลเซลล์ เป็น 200 คน  สายจากเดิม 100 คน เพื่อรองรับ Amado Shopping สุขทุกการสั่งซื้อ ธุรกิจใหม่ซึ่งจะช่วยให้ Amado มีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจหลัก และยังสามารถสะสมข้อมูลลูกค้าเพิ่มขึ้นในจำนวนมหาศาล นำไปสู่ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสทางการขายด้วย Data Driven Marketing ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภค ช่วยให้ออกแบบการนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นนำไปสู่การปิดการขายได้ง่ายขึ้น จาก Big Data ซึ่งปัจจุบัน Amado มีข้อมูลฐานลูกค้าราว 1.2 ล้านคน และคาดว่าจำนวนฐานลูกค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100% ซึ่งจะช่วยสร้างยอดขายให้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีศักยภาพ เนื่องจากการเพิ่มช่องทางการขายที่ทรงประสิทธิภาพ แบบถูกที่ถูกเวลานำมาซึ่งจำนวนข้อมูลลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อผนวกเข้ากับการนำ Data มาวิเคราะห์เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายได้ดีกว่าเดิมถึงสองเท่า