เอคเซนเชอร์ร่วมกับวีเอ็มแวร์ ประกาศจัดตั้งกลุ่มธุรกิจใหม่เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ นำคลาวด์มาใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

เอคเซนเชอร์ (Accenture) (NYSE: ACN) และวีเอ็มแวร์ (VMware) (NYSE: VMW) ประกาศความร่วมมือเปิดตัวกลุ่มธุรกิจเฉพาะที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ ประสบความสำเร็จในการนำกลยุทธ์ ‘cloud first’ มาใช้ – เร่งการย้ายข้อมูลไปยังคลาวด์ สร้างโมเดิร์นแอปพลิเคชันได้รวดเร็วมากขึ้น และการใช้คลาวด์เป็นรากฐานสำหรับนวัตกรรมและธุรกิจรูปแบบใหม่ สามารถสร้างมูลค่าที่ดีกว่าให้แก่ธุรกิจ

Accenture VMware Business Group เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสองบริษัทที่มีมายาวนานกว่าสองทศวรรษกับเม็ดเงินร่วมลงทุนหลายล้านดอลลาร์ โดยกลุ่มธุรกิจใหม่นี้ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีความสามารถในด้านไฮบริดคลาวด์ และคลาวด์ไมเกรชัน, คลาวด์เนทีฟ และโมเดิร์นแอปพลิเคชันและระบบรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มธุรกิจชั้นนำ โดยการสนับสนุนของทีมผู้เชี่ยวชาญระบบคลาวด์ของเอคเซนเชอร์กว่า 2,000 คนที่ได้รับการฝึกอบรมด้านผลิตภัณฑ์และบริการของวีเอ็มแวร์ และกลุ่มธุรกิจ Accenture VMware จะช่วยให้ลูกค้าใช้ประโยชน์จากความสามารถอันทรงพลังและความยืดหยุ่นของคลาวด์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปรับขนาดบริการทางธุรกิจอย่างรวดเร็วดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและเปิดใช้งานนวัตกรรมในระดับต่างๆ

กลุ่มธุรกิจใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Accenture Cloud First ซึ่งเอคเซนเชอร์ได้เปิดตัวในปี 2563 ด้วยเงินลงทุน 3 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาความสามารถใหม่ๆ สร้างโซลูชัน ร่วมมือกับคู่ค้าและลูกค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยน, ผลักดัน และดำเนินธุรกิจในระบบคลาวด์ได้

จูลี สวีท ซีอีโอของเอคเซนเชอร์ กล่าวว่า “คลาวด์เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการควบคุมและจัดการความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น อีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นองค์กรต่างๆ เร่งปรับกระบวนการธุรกิจสู่รูปแบบคลาวด์และเอดจ์ ซึ่ง Accenture VMware Business Group จะช่วยส่งมอบความเร็ว ความสามารถในการปรับขยาย และระบบรักษาความปลอดภัยที่จำเป็นในการพลิกโฉมธุรกิจตั้งแต่ฐานรากและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้”

Accenture VMware Business Group จะลงทุนและดำเนินการร่วมกันครอบคลุมทั้งการส่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด แผนจัดจำหน่าย การฝึกอบรมพนักงานของเอคเซนเชอร์ ให้มีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์ และการพัฒนาข้อเสนอบริการ สินทรัพย์ และเร่งขับเคลื่อนสนับสนุนโดยเทคโนโลยีวีเอ็มแวร์ พร้อมกันนี้ทั้งสองบริษัทจะพัฒนาโซลูชันเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานในอนาคตของแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้บริษัทโทรคมนาคมมีความพร้อมในการเปิดให้บริการ 5G และบริการ edge computing

แพท เกล ซิงเกอร์ ซีอีโอของวีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “เพื่อตอบสนองความต้องการของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน องค์กรต่างๆ ต้องปรับใช้กลยุทธ์ Multi-Cloud ให้เร็วขึ้นกว่าเดิม และรองรับความต้องการใช้งานแอปพลิเคชั่นบนคลาวด์ ดาต้าเซ็นเตอร์ และเอดจ์ ของลูกค้าที่ใช้งานอย่างน้อย 1 รายการขึ้นไป และ Accenture VMware Business Group จึงได้รวบรวมทีมงานระดับโลกและความเชี่ยวชาญที่มี ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ด้วย ความเร็ว ความคล่องตัวและความยืดหยุ่นที่องค์กรต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต”

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจนี้ยังจะเปิดตัว VMware Cloud Migration Factory โซลูชันที่ตอบโจทย์การโยกย้ายเวิร์คโหลดคอมพิวเตอร์ไปยังคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น ผ่านกระบวนการอัตโนมัติขั้นสูงที่ได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียดโดยการโยกย้ายและการปรับปรุงแอปพลิเคชันนับพันให้ทันสมัย VMware Cloud Migration Factory จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าควบคุมสภาพแวดล้อมและกำหนดทรัพยากร เพื่อการวางแผน, ทดสอบ, โยกย้าย และปรับลด-ขยายขนาดแอปพลิเคชันได้ตามต้องการทั้งบนพับบลิค, ไพรเวท และ / หรือไฮบริดคลาวด์ – ช่วยลดความเสี่ยงในการเคลื่อนย้ายเวิร์คโหลดของวีเอ็มแวร์ และตอบสนองได้ทันต่อความต้องการของธุรกิจ

คลาวเดีย บิยันชี ซีไอโอของ Kiko Milano กล่าวว่า “จุดเริ่มต้น ‘เส้นทางสู่ระบบคลาวด์’ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลักของเรา ที่นำให้เราประสบความสำเร็จในตลาด ด้วยการนำเสนอประสบการณ์ของแบรนด์ที่สร้างสรรค์และเพิ่มขีดความสามารถอีคอมเมิร์ซ ในขณะเดียวกันก็รักษาความยืดหยุ่นและความเร็วที่เหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ๆ เอคเซนเชอร์และวีเอ็มแวร์ ช่วยให้ Kiko Milano สามารถย้ายโครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมดของเราไปยังคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เรามั่นใจว่า Accenture VMware Business Group จะช่วยเร่งความสามารถในการออกสู่ตลาดของเราได้มากขึ้นในอนาคต”

ริค วิลลาร์ส รองประธาน Worldwide Research ซึ่งเป็นหน่วยงานของ IDC กล่าวว่า “โรคระบาดครั้งนี้ทำให้เกิด ‘Next Normal’ ขึ้นในองค์กร, เป็นตัวเร่งให้พวกเขาต้องหันมาใช้คลาวด์เพื่อปรับปรุงธุรกิจให้ทันสมัยและเตรียมธุรกิจให้มีรากฐานพร้อมรองรับนวัตกรรมใหม่ ๆ พวกเขาตระหนักดีว่า พับบลิค, ไพรเวท และไฮบริดคลาวด์ ล้วนมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงนี้และพวกเขาต้องการพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยีคลาวด์และผู้ให้บริการที่สามารถดำเนินกลยุทธ์และยกระดับความสามารถบุคลากรในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงนี้ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย”

ในฐานะ VMware Global Principal Partner และ Premier Global Systems Integrator ของ VMware Accenture เป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ระดับโลกที่มีฐานตลาดใหญ่ที่สุดของวีเอ็มแวร์ ที่มีความเข้าใจทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกเกี่ยวกับความสามารถของวีเอ็มแวร์ เช่นเดียวกันกับ วีเอ็มแวร์เองที่เป็นพาร์ทเนอร์ที่สร้างความเชื่อมั่นแก่องค์กรไอทีระดับโลกอย่างยอดเยี่ยมของเอคเซนเชอร์ ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเวิร์คโหลด ประมวลผลในระบบคลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังขึ้นแท่นผู้นำทางด้านการประมวลผลที่ล้ำหน้า

เกี่ยวกับเอคเซนเชอร์

เอคเซนเชอร์ เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ดิจิทัล การบริหารเทคโนโลยีและการปฏิบัติการชั้นนำของโลก และด้วยประสบการณ์ การทำงานอย่างลึกซึ้ง ผนวกกับศักยภาพที่สมบูรณ์แบบในกว่า 40 อุตสาหกรรมซึ่งครอบคลุมทุกสายงานของธุรกิจ พร้อมด้วยเครือข่ายการให้บริการที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เอคเซนเชอร์สามารถร่วมมือกับลูกค้า เชื่อมต่อธุรกิจและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ยกระดับองค์กรของลูกค้าให้เป็นองค์กรที่มีศักยภาพและสมรรถภาพสูง สามารถสร้างคุณค่าอันยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นได้ ปัจจุบันเอคเซนเชอร์ มีพนักงานประมาณ 514,000 คนในกว่า 120 ประเทศ เอคเซนเชอร์มุ่งพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยให้การใช้ชีวิตและการทำงานมีคุณภาพดีขึ้น ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.accenture.com

เกี่ยวกับวีเอ็มแวร์

วีเอ็มแวร์เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความซับซ้อน บริการคลาวด์, เน็ตเวิร์กกิ้ง, ระบบซีเคียวริตี้และดิจิทัลเวิร์คเพลสของวีเอ็มแวร์พร้อมมอบรากฐานดิจิทัลแบบไดนามิกและมีประสิทธิภาพให้กับลูกค้าทั่วโลก ภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์มากมาย โดยสำนักงานใหญ่วีเอ็มแวร์ตั้งอยู่ที่เมืองพาโล อัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย วีเอ็มแวร์ยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นพลังสนับสนุนที่ดี จากแนวโน้มและผลกระทบการจัดการนวัตกรรมเชิงพื้นที่ในระดับโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://www.vmware.com/company